ศธ.ออกมาตรการปรับปรุงห้องสมุดทั่วประเทศ ระบุ กำชับบรรณารักษ์สอดส่องผู้มาใช้ห้องสมุด หากพบผู้ที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมซ้ำซาก จะพิจารณาโทษเป็นรายกรณี ด้าน หมอกมลพันธุ์ จี้พ่อแม่อบรมลูกหลานอย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด ศธ.เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาตรฐานในการกำกับดูแลและปรับปรุงห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ 5 มาตรการ ดังนี้ 1.ปรับปรุงห้องสุมดไม่ให้มีมุมลับตาม หรือซอกหลีบ มุมมืด หรือชั้นวางหนังสือแน่นทึบเป็นกำแพงบังสายตาผู้อื่น โดยปรับให้โปร่งสบายตา โดยใช้หลัก 5 ส.ได้แก่ สะอาด สว่าง สงบ สนุก และสวัสดิภาพ
2.ปรับปรุงภูมิสถาปัตย์รอบสถานที่ภายนอกบริเวณห้องสมุด โดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอาณาบริเวณห้องสมุดให้สวยงามไม่เป็นที่รกร้าง 3.กำชับให้บรรณารักษ์ และเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเพิ่มการดูแล ตรวจตราในบริเวณห้องสมุดอย่างทั่วถึง เอาใจใส่ผู้มาใช้บริการ รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลและใช้ห้องสมุดอย่างสร้างสรรค์ ตามวัตถุประสงค์ของการบริการห้องสมุด 4.จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ประชาชนแสดงออกในสิ่งที่ดีงามและมาใช้บริการมากขึ้น
5.เพิ่มคุณค่าทางวิชาการให้แก่ห้องสมุด โดยปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของห้องสมุดประชาชนไปสู่การพัฒนาให้เป็น “ห้องสมุดมีชีวิต” และปรับเปลี่ยนการจัดการและวัฒนธรรมการดำเนินงานห้องสมุดแนวใหม่ให้มีมาตรฐานตามที่สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยกำหนดไทยกำหนด คือ การกำหนดปรัชญา พันธกิจและวัตถุประสงค์ การบริหาร ความร่วมมือและเครือข่าย งบประมาณและการเงิน ทรัพยากรสารสนเทศ การบริการ บุคลากรห้องสมุด อาคารสถานที่และครุภัณฑ์ การสื่อสารและประชาสัมพันธ์
เมื่อถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ห้องสมุดปล่อยให้เยาวชนแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในห้องสมุดจะดำเนินการอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ ปลัด ศธ.กล่าวว่า เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนของห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อให้เอาใจใส่ผู้มาใช้บริการมากขึ้น หากยังมีเหตุการณ์คนมาใช้ห้องสมุดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมซ้ำแล้วซ้ำอีก คงต้องพิจารณาเป็นรายกรณี
พ.ญ.กมลพันธุ์ ประธานเครือข่ายพ่อแม่เยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกันปกป้องเยาวชน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมองว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเพียงฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ทั้งนี้อาจเพราะภาระงานเยอะ แต่ทางที่จะช่วยได้ คือ ติดกล้องวงจรปิดไว้บริเวณซอกหลืบ มุมมืดและบริเวณชั้นวางหนังสือที่หนาทึบ เพื่อช่วยในการสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่ง แต่หากพูดกันจริงๆ แล้วปัญหาเช่นนี้ หากไม่เกิดขึ้นในห้องสมุดก็จะไปเกิดขึ้นในพื้นที่อื่น ดังนั้น จึงต้องแก้ไขกันที่ต้นเหตุ โดยพ่อ แม่ จะต้องอบรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง และรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร และควรสอดแทรกอะไรที่เป็นข้อเท็จจริง รวมถึงการวางตัวของหญิงและชายด้วย นอกจากนั้น สังคมควรปลุกระแสเรื่องการเลี้ยงลูกให้ถูกทิศทางรวมถึงปัจจุบันมีสื่อหลายประเภทที่จะชี้นำเด็กไปในทางที่ผิดได้ เช่น การนำเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบมาแสดงบทรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ตรงนี้ พ่อแม่ ต้องเข้ามามีบทบาทในการชี้แนะว่าอะไรควรไม่ควร การจะแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ทุกฝ่ายต้องหันมาช่วยเหลือกัน