xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก” ชี้ รบ.“แอ้ด” ท้วงเอง “ไชยา” สงสัย “หมอมงคล” ไม่ชอบมาพากลเซ็น CL

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมัก” ป้อง “ไชยา” แตะแอลซี ชี้ รมต.รัฐบาล “แอ้ด” ร่อนหนังสือท้วงเอง ยันต้องคุยใหม่ 3 กระทรวง ด้าน “ไชยา” ขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งตระหนกกระแสข่าวเลิกทำซีแอลยารักษาโรคมะเร็ง 4 ชนิด ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายยกเลิก เพียงแต่มีนโยบายทบทวนผลดีผลเสียรอบด้านด้วยความรอบคอบ เป็นที่ยอมรับ และได้ประโยชน์ทุกฝ่าย คาดว่า จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนหลังวันที่ 18 ก.พ.ที่จะถึงนี้ สงสัย “หมอมงคล” เซ็นซีแอลยามะเร็งไม่ชอบมาพากล

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้บ่นให้ฟังว่า ที่เข้ามาเรื่องซีแอลยาเพราะจะให้ทำอย่างไร เนื่องจากการตกลงกันของ 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ มีปัญหา

กล่าวคือ คณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมาสั่งให้รัฐมนตรี 3 กระทรวงประชุมกัน ปรากฏว่า พอตกลงกันเสร็จรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่เข้าร่วมประชุม สั่งตกลง โอเค แล้วไปต่างประเทศ พอเสร็จแล้วรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา รัฐมนตรีคณะรัฐบาลที่แล้ว ส่งคำทักท้วงมา

“มันได้อย่างไร รมต.สาธารณสุข จัดการทำเอาคะแนนไปแล้วเรียบร้อย รมต.พาณิชย์ พวกของตัวเองมาท้วง รมต.คนใหม่ เขาบอกว่าจะทำอย่างเดิม คือ 3 รัฐมนตรีจะคุยกันใหม่ ข้อคิดคือจะดูหน่อยว่า ความที่ได้กี่ร้อยล้านและถ้าทำ ตามนี้ที่เสียมันกี่พัน กี่หมื่นล้าน และเขาจะแถลงให้ทราบทีหลัง”

“นี่เป็นวิธีคิดแบบคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ขอเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังหน่อย แล้ว 3 กระทรวงจะคุยกันฉะนั้นรอให้เขาประชุมให้เสร็จก่อน” นายสมัคร กล่าว

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเพื่อทบทวนการใช้บังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) แต่ได้หารือวงเล็กกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการแนวทางเดียวรัฐบาลชุดก่อน โดย นายสมัคร สั่งการให้ทั้ง 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ สธ. หารือร่วมกัน ซึ่งฟังแล้วน่าจะดี ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจปัญหา และตนมีแนวทางในการหารือในทางที่ดี รับประกันว่าทุกฝ่ายจะต้องวิน-วินหมด ไม่ต้องห่วง

“ผมได้ปรึกษาเรื่องซีแอลกับท่านนายกฯ ซึ่งท่านก็ได้ให้แนวทางว่า ให้ทุกฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ากระทรวงไหนรับผิดชอบอะไร ก็ดูแลเรื่องนั้น เมื่อพูดอย่างนี้ ผมในฐานะที่ดูแล สธ.ก็เท่ากับเป็นการประกาศว่า ผมต้องยืนข้างผู้ป่วย ดูแลผลประโยชน์ของผู้ป่วยให้มากที่สุด สบายใจได้ว่าผมจะต้องทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างแน่นอน ส่วนพาณิชย์ก็ต้องดูแลเรื่องการค้าไป ซึ่งสิ่งที่ท่านนายกพูดวันนี้ไม่ได้หมายความว่าไฟเขียวแต่ให้คุยกันก่อนเท่านั้น” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมร่วมกัน 3 กระทรวงนั้น นายมิ่งขวัญ จะเป็นผู้นัดหารือ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมภายหลังจากที่มีการประกาศนโยบายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่ง นายมิ่งขวัญ จะเป็นประธานในการประชุม ส่วนการเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงในที่ประชุมนั้น ผมไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมข้าราชการประจำที่ทำเรื่องนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มอีก รวมถึงไม่ต้องหารือร่วมกับเครือข่ายผู้ป่วยอีก เพราะทุกวันนี้ได้ตอบคำถามสื่อจนรู้เรื่องซีแอลหมดทุกอย่างแล้ว

“การทำซีแอลต่อไปคงจะต้องมีการจัดทำแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้คณะทำงานนำไปปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน หากในอนาคตจะต้องมีการเจรจาต่อรองราคายากับบริษัทยาเจ้าของสิทธิบัตร ผมจะไม่แต่งตั้งใหม่แต่ให้คณะทำงานเดิม ซึ่งมี นพ.ศิริวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นประธานการเจรจาต่อรองราคายาชุดเดิมทำงานต่อเนื่องทันทีและผมอาจจะเข้าร่วมเจรจาด้วย” นายไชยา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบถามข้อมูลกับ นพ.มงคล ณ สงขลา อดีต รมว.สธ.หรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องสอบถามอีก เพราะการประกาศซีแอลเป็นสิทธิ์ของ รมว.สธ. โดยชอบธรรมสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องไปดูเจตนารมณ์ของท่านว่าทำไปเพื่ออะไร

“ผมไม่สามารถพูดได้ว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องแปลก ไม่ชอบมาพากล เพราะวันที่หมอมงคลเซ็นที่ คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีคนก่อน ได้นัดประชุม 3 กระทรวง แต่ หมอมงคล ไม่ว่างติดราชการไปต่างประเทศ อยากให้สื่อมวลชนไปเช็กว่าท่านไปประเทศไหน ผมไม่รู้ท่านไปประเทศไหน เพราะผมไม่ได้ไปด้วย จะไปประเทศที่เราจะสั่งซื้อยาหรือเปล่า อาจจะไปแล้วต่อรองราคายาให้ถูกเป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็เป็นไปได้” นายไชยา กล่าว

ต่อข้อถามว่า การกระทำของ นพ.มงคล ถือเป็นการวางยาหรือไม่ นายไชยา ตอบว่า อย่าไปคิดว่าวางยา ถ้าวางยาผมก็คงสลบไปแล้ว สบายใจได้ว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการปกป้องคนป่วยที่ปกติสุขภาพจิตสู้คนธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว อะไรที่คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำแล้วทำให้ผู้ป่วยมีความสุขก็ควรจะทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น