“หมอมงคล” วอนอย่าให้คนที่ต่อสู้เพื่อประชาชน เป็นแผลทั้งตัว เอาตัวไม่รอด ไม่ให้พระเอกถูกฆ่าตายไปทีละคน สงสารคน สธ.เอาศักดิ์ศรีแลกอยู่รอด ระบุ “หมอศิริวัฒน์” อยู่ที่ไหนก็ได้ไม่น่าห่วง แต่สุดท้ายประชาชนคือผู้สูญเสีย
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนเชื่อว่า การยกเลิกการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เป็นเรื่องลำบาก รวมถึงซีแอลกับยารักษาโรคมะเร็งไปด้วย แต่ในอนาคตไทยจะต่อรองกับบริษัทยาได้ยากขึ้น การต่อรองเหล่านี้จะหายไป เพราะซีแอลเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำให้บริษัทยายอมมาเจรจาต่อรองราคายา หรืออย่างน้อยก็เกรงใจและยอมมาเจรจากัน และเมื่อไม่มีเครื่องมือนี้ ก็ไม่มีใครสนใจจะคุยกับเราเหมือนในอดีตที่ผ่านมา และทำให้จากเดิมที่ได้ยาดีราคาถูก กลับกลายเป็นยาดีราคาแพง และในอนาคตอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม ความสูญเสียไม่ได้เกิดกับผู้ถูกปลด แต่ประชาชนคือผู้สูญเสีย แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะประชาชนคือผู้เลือกผู้บริหารมาเอง
“อย่าให้คนที่ทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อประชาชน ต้องต่อสู้จนตัวเองเป็นแผลทั้งตัว เอาตัวเองไม่รอด ซึ่งควรเป็นเรื่องของประชาชนด้วย หากมีอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ดี ก็ต้องช่วยกัน ไม่ให้ใครเป็นพระเอกต้องถูกฆ่าตายทีละคนสองคน ถ้าสังคมเข้มแข็ง สังคมที่มีคนดี ยึดถือความถูกต้อง ยึดประโยชน์ช่วยเหลือความยากไร้ ถ้าแบบนี้คนเหล่านี้จะได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่ได้รับความคุ้มครองแสดงว่าสังคมไม่ดีพอไม่แข็งแรงพอ ไม่มีภูมิต้านทานพอ ขณะนี้ภูมิต้านทานของเราไม่ดี ผีบ้านเราก็ไม่แข็งแรง คนใน สธ.เองก็ไม่แข็งพอ ผมสงสารคนเหล่านี้ที่มีศักดิ์ศรีของตนเอง แต่ทำเพื่อความอยู่รอด เอาศักดิ์ศรีเข้าแลก คนเหล่านี้เหมือนกับคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีนั่นคือคนตายไปแล้ว”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า จนถึงวันนี้ยังไม่ได้คุยกับ นพ.ศิริวัฒน์ แต่อย่างใด แต่เคยได้ยินบ่นว่าเหนื่อย เพราะทราบดีว่ารู้สึกอย่างไร ซึ่งการไปรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงก็ไม่น่าห่วงอะไร คุณหมอศิริวัฒน์ เป็นผู้ไม่มีผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ห่วงตรงที่ประชาชนจะได้ประโยชน์น้อยลง แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนที่มาบริหารเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำงานเอง ทุกคนมีบทบาทของตัวเองก็เล่นไปตามลีลา
“นพ.ศิริวัฒน์ เป็นคนทำงาน ทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อคนยากไร้ และชนบท และการต่อสู้หลายครั้งก็ทำให้ตัวเองไม่รอด ครั้งหนึ่ง นพ.ศิริวัฒน์ เคยใส่ปลอกแขนไว้ทุกข์ 2 ข้างให้นักการเมืองก็เคยมาแล้ว ถือว่าเป็นนักต่อสู้ ไม่ห่วงว่าการโยกย้ายครั้งนี้จะเป็นสิ่งกระทบ เพราะในชีวิตของคุณหมอเคยเจอหนักกว่านี้ เจ็บมากกว่านี้อีก เชื่อว่า คนทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์ มีจิตใจเพื่อสาธารณะ ไม่มีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจของเขาได้ เพราะไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ตอนที่เข้ารับตำแหน่งเป็น รมว.สาธารณสุข เห็นว่า นพ.ศิริวัฒน์ รู้เรื่องงาน อย.ดีที่สุด คนอื่นๆ รู้ไม่ครบทุกด้าน เพราะ นพ.ศิริวัฒน์ เป็นรองเลขาธิการ อย.มานานหลายปี เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง จึงเอาเรื่องวางคนให้เหมาะสมกับงาน ตนเองมองว่า ขณะนั้น นพ.ศิริวัฒน์ เหมาะสมที่สุด และก็เป็นผู้ขอให้ นพ.ศิริวัฒน์ มาทำงานตรงนี้เอง ไม่ใช่นพ.ศิริวัฒน์ เป็นผู้ขอมา
“องค์ความรู้ที่ได้จากทีมงานที่ทำซีแอลที่ลงตัว ประกอบกับเครือข่ายทั่วโลกที่คอยเฝ้าระวังช่วยเหลือเราในการทำซีแอลนั้น ซึ่งบุคลากรเหล่านี้กว่าที่จะรวมตัวกันได้ทำงานเป็นเครือข่ายวงจร เป็นเรื่องยาก และไม่ง่ายนักหากจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนเชื่อว่า การยกเลิกการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เป็นเรื่องลำบาก รวมถึงซีแอลกับยารักษาโรคมะเร็งไปด้วย แต่ในอนาคตไทยจะต่อรองกับบริษัทยาได้ยากขึ้น การต่อรองเหล่านี้จะหายไป เพราะซีแอลเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำให้บริษัทยายอมมาเจรจาต่อรองราคายา หรืออย่างน้อยก็เกรงใจและยอมมาเจรจากัน และเมื่อไม่มีเครื่องมือนี้ ก็ไม่มีใครสนใจจะคุยกับเราเหมือนในอดีตที่ผ่านมา และทำให้จากเดิมที่ได้ยาดีราคาถูก กลับกลายเป็นยาดีราคาแพง และในอนาคตอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม ความสูญเสียไม่ได้เกิดกับผู้ถูกปลด แต่ประชาชนคือผู้สูญเสีย แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะประชาชนคือผู้เลือกผู้บริหารมาเอง
“อย่าให้คนที่ทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อประชาชน ต้องต่อสู้จนตัวเองเป็นแผลทั้งตัว เอาตัวเองไม่รอด ซึ่งควรเป็นเรื่องของประชาชนด้วย หากมีอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ดี ก็ต้องช่วยกัน ไม่ให้ใครเป็นพระเอกต้องถูกฆ่าตายทีละคนสองคน ถ้าสังคมเข้มแข็ง สังคมที่มีคนดี ยึดถือความถูกต้อง ยึดประโยชน์ช่วยเหลือความยากไร้ ถ้าแบบนี้คนเหล่านี้จะได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่ได้รับความคุ้มครองแสดงว่าสังคมไม่ดีพอไม่แข็งแรงพอ ไม่มีภูมิต้านทานพอ ขณะนี้ภูมิต้านทานของเราไม่ดี ผีบ้านเราก็ไม่แข็งแรง คนใน สธ.เองก็ไม่แข็งพอ ผมสงสารคนเหล่านี้ที่มีศักดิ์ศรีของตนเอง แต่ทำเพื่อความอยู่รอด เอาศักดิ์ศรีเข้าแลก คนเหล่านี้เหมือนกับคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีนั่นคือคนตายไปแล้ว”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า จนถึงวันนี้ยังไม่ได้คุยกับ นพ.ศิริวัฒน์ แต่อย่างใด แต่เคยได้ยินบ่นว่าเหนื่อย เพราะทราบดีว่ารู้สึกอย่างไร ซึ่งการไปรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงก็ไม่น่าห่วงอะไร คุณหมอศิริวัฒน์ เป็นผู้ไม่มีผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ห่วงตรงที่ประชาชนจะได้ประโยชน์น้อยลง แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนที่มาบริหารเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำงานเอง ทุกคนมีบทบาทของตัวเองก็เล่นไปตามลีลา
“นพ.ศิริวัฒน์ เป็นคนทำงาน ทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อคนยากไร้ และชนบท และการต่อสู้หลายครั้งก็ทำให้ตัวเองไม่รอด ครั้งหนึ่ง นพ.ศิริวัฒน์ เคยใส่ปลอกแขนไว้ทุกข์ 2 ข้างให้นักการเมืองก็เคยมาแล้ว ถือว่าเป็นนักต่อสู้ ไม่ห่วงว่าการโยกย้ายครั้งนี้จะเป็นสิ่งกระทบ เพราะในชีวิตของคุณหมอเคยเจอหนักกว่านี้ เจ็บมากกว่านี้อีก เชื่อว่า คนทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์ มีจิตใจเพื่อสาธารณะ ไม่มีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจของเขาได้ เพราะไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ตอนที่เข้ารับตำแหน่งเป็น รมว.สาธารณสุข เห็นว่า นพ.ศิริวัฒน์ รู้เรื่องงาน อย.ดีที่สุด คนอื่นๆ รู้ไม่ครบทุกด้าน เพราะ นพ.ศิริวัฒน์ เป็นรองเลขาธิการ อย.มานานหลายปี เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง จึงเอาเรื่องวางคนให้เหมาะสมกับงาน ตนเองมองว่า ขณะนั้น นพ.ศิริวัฒน์ เหมาะสมที่สุด และก็เป็นผู้ขอให้ นพ.ศิริวัฒน์ มาทำงานตรงนี้เอง ไม่ใช่นพ.ศิริวัฒน์ เป็นผู้ขอมา
“องค์ความรู้ที่ได้จากทีมงานที่ทำซีแอลที่ลงตัว ประกอบกับเครือข่ายทั่วโลกที่คอยเฝ้าระวังช่วยเหลือเราในการทำซีแอลนั้น ซึ่งบุคลากรเหล่านี้กว่าที่จะรวมตัวกันได้ทำงานเป็นเครือข่ายวงจร เป็นเรื่องยาก และไม่ง่ายนักหากจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่” นพ.มงคล กล่าว
