สพฐ.เตรียมรวบรวมข้อมูล 6 รายการ เสนอ รมว.ศธ. เพื่อหาข้อสรุปจัดการศึกษา 12 ปีฟรีจริง โดยที่โรงเรียนไม่ต้องไปรีดไถ่ผู้ปกครอง แย้มข้อมูลเดิมต้องใช้เงินกว่า 2.3 หมื่นล้าน 25 ม.ค.นี้ เตรียมนำเรื่องเสนอ "ปู่" เพื่อส่งต่อให้ รมว.ศธ. คนใหม่พิจารณา
วันนี้(23 ม.ค.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ.) ว่า เชิญผู้บริหารของ สพฐ.หารือเรื่องที่ รมว.ศธ.มอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำรวจระเบียบ และประกาศที่ใช้อยู่ในปัจจุบันว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่ง สพฐ.จะรวบรวมประกาศทั้งหมด และประกาศเกี่ยวกับเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษาส่งให้คณะกรรมการฤษฎีกาพิจารณาภายในสัปดาห์นี้นอกจากนี้ยังได้หารือกรณีให้โรงเรียนเลิกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองเพื่อให้การจัดการศึกษาฟรี 12 ปี เป็นการศึกษาที่ฟรีจริงนั้น รัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบประมาณเพิ่มให้โรงเรียนเท่าใด ในเบื้องต้นพบว่า รัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบเพิ่มจำนวน 6 รายการให้แก่โรงเรียน ถึงจะไม่ต้องไปเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งได้มอบให้เจ้าหน้าที่ได้ทำข้อมูลว่า ในแต่ละรายการต้องใช้เงินเท่าใด โดยงบทั้ง 6 รายการที่ว่านี้ได้แก่
1. จะต้องจัดหาครูให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนครู ปัจจุบัน โรงเรียนทั่วประเทศ จะต้องเจียดเงินอุดหนุนรายหัวไปจ้างครูเพิ่มกว่า 10,000 คน เชื่อว่าในความเป็นจริงสูงบกว่านี้ พร้อมให้สำรวจว่าโรงเรียนทั่วประเทศจ้างครูเพิ่มเองจำนวนเท่าใด พร้อมสำรวจว่าโรงเรียนที่ขาดแคลน
ครูเกิน 30 เปอร์เซ็นต์มีจำนวนเท่าใด
2. โรงเรียนต้องสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอ ปัจจุบันโรงเรียนทั่วประเทศขาดแคลนคอมพิวเตอร์รวมทั้งสิ้น 100,000 เครื่อง โดยโรงเรียนบางแห่งแก้ไขปัญหาด้วยการระดมทุนจากผู้ปกครองมาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เอง เพราะฉะนั้น จะให้สำรวจว่า จะต้องจัดสรรคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียนทั่วประเทศเพิ่มจำนวนกี่เครื่อง
3.จะต้องมีการจัดสรรค่าสาธารณูปโภคให้โรงเรียนเพิ่มเติม ทุกวันนี้งบประมาณที่ให้โรงเรียนไม่เพียงพอจ่ายค่าสาธารณูปโภค โดยจะให้วิเคราะห์ว่าโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เมื่อได้รับคอมพิวเตอร์แล้วจะต้องใช้ค่าสาธารณูปโภคประมาณเท่าใด
4.จะต้องมีการจัดสรรงบลงทุนให้โรงเรียนนำไปปรับปรุงอาคารเรียน ปัจจุบันมีโรงเรียนที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจำนวนหนึ่ง ถ้าได้อาคารใหม่ทดแทนโรงเรียนก็ไม่ต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษามากเท่ากับการบำรุงรักษาอาคารที่เก่าทรุดโทรม รวมทั้งยังมีร.ร.ส่วนหนึ่งที่ต้องการอาคารเรียนเพิ่มเติมด้วย
5. งบประมาณสำหรับพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าไปวิเคราะห์ว่าโรงเรียนที่ผ่านการประเมินของสำนักรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)ใช้เงินในการพัฒนาการเรียนการสอนจำนวนเท่าใด แล้วนำค่าเฉลี่ยที่ได้มาคำนวณหางบประมาณในการพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับ ร.ร.ทั่วประเทศ และสุดท้าย 6.งบประมาณสำหรับสงเคราะห์นักเรียนด้อยโอกาส และยากจน
คุณหญิงกษมากล่าวว่า หากรัฐบาลสนับสนุนงบทั้ง 6 รายการให้อย่างเพียงพอ หรือเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามาสนับสนุนบางรายการ เช่น ช่วยจ้างครู ช่วยซื้อคอมพิวเตอร์ หรือสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนแล้ว ความจำเป็นของโรงเรียนที่จะต้องเก็บเงินพิเศษ เพิ่มเติมจากผู้ปกครองคงไม่มี อย่างไรก็ดี โรงเรียนยังสามารถระดมทุนมาสำหรับโครงการเฉพาะกิจ เฉพาะกรณีได้ แต่จะเป็นการทำเป็นครั้งคราว ไม่ใช่กิจวัตรประจำเหมือนอย่างทุกวันนี้ ที่โรงเรียนต้องขวนขวายหาทางหาเงินตอลดเวลา เพาราะงบที่ได้จากรัฐบาลไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริง
“ตามข้อมูลเก่าที่ใช้ในการเขียนโครงการเมกกะโปรเจค ถ้าไม่รวมงบจัดจ้างครูเพิ่มอีก 5 รายการที่เหลือจะต้องใช้งบประมาณขั้นต่ำจำนวน 23,000 ล้านบาท และวันที่ 25 มกราคมนี้ จะได้ตัวเลขทั้งหมดจากนั้น สพฐ.จะทำรายงานอธิบายว่า การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรีอย่างมีคุณภาพจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าใด และนำรายงานดังกล่าวเสนอ รมว.ศธ. และเชื่อว่า รมว.ศธ.จะได้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับ รมว.ศธ.คนใหม่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.ศธ.ว่า จะนำเรื่องนี้เสนอของบกับรัฐบาลหรือไม่ แต่ในการหาเสียงที่ผ่านมา ทุกพรรคการเมืองก็สนใจเรื่องการศึกษาฟรี 12 ปี ”
วันนี้(23 ม.ค.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ.) ว่า เชิญผู้บริหารของ สพฐ.หารือเรื่องที่ รมว.ศธ.มอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำรวจระเบียบ และประกาศที่ใช้อยู่ในปัจจุบันว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่ง สพฐ.จะรวบรวมประกาศทั้งหมด และประกาศเกี่ยวกับเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษาส่งให้คณะกรรมการฤษฎีกาพิจารณาภายในสัปดาห์นี้นอกจากนี้ยังได้หารือกรณีให้โรงเรียนเลิกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองเพื่อให้การจัดการศึกษาฟรี 12 ปี เป็นการศึกษาที่ฟรีจริงนั้น รัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบประมาณเพิ่มให้โรงเรียนเท่าใด ในเบื้องต้นพบว่า รัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบเพิ่มจำนวน 6 รายการให้แก่โรงเรียน ถึงจะไม่ต้องไปเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งได้มอบให้เจ้าหน้าที่ได้ทำข้อมูลว่า ในแต่ละรายการต้องใช้เงินเท่าใด โดยงบทั้ง 6 รายการที่ว่านี้ได้แก่
1. จะต้องจัดหาครูให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนครู ปัจจุบัน โรงเรียนทั่วประเทศ จะต้องเจียดเงินอุดหนุนรายหัวไปจ้างครูเพิ่มกว่า 10,000 คน เชื่อว่าในความเป็นจริงสูงบกว่านี้ พร้อมให้สำรวจว่าโรงเรียนทั่วประเทศจ้างครูเพิ่มเองจำนวนเท่าใด พร้อมสำรวจว่าโรงเรียนที่ขาดแคลน
ครูเกิน 30 เปอร์เซ็นต์มีจำนวนเท่าใด
2. โรงเรียนต้องสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอ ปัจจุบันโรงเรียนทั่วประเทศขาดแคลนคอมพิวเตอร์รวมทั้งสิ้น 100,000 เครื่อง โดยโรงเรียนบางแห่งแก้ไขปัญหาด้วยการระดมทุนจากผู้ปกครองมาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เอง เพราะฉะนั้น จะให้สำรวจว่า จะต้องจัดสรรคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียนทั่วประเทศเพิ่มจำนวนกี่เครื่อง
3.จะต้องมีการจัดสรรค่าสาธารณูปโภคให้โรงเรียนเพิ่มเติม ทุกวันนี้งบประมาณที่ให้โรงเรียนไม่เพียงพอจ่ายค่าสาธารณูปโภค โดยจะให้วิเคราะห์ว่าโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เมื่อได้รับคอมพิวเตอร์แล้วจะต้องใช้ค่าสาธารณูปโภคประมาณเท่าใด
4.จะต้องมีการจัดสรรงบลงทุนให้โรงเรียนนำไปปรับปรุงอาคารเรียน ปัจจุบันมีโรงเรียนที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจำนวนหนึ่ง ถ้าได้อาคารใหม่ทดแทนโรงเรียนก็ไม่ต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษามากเท่ากับการบำรุงรักษาอาคารที่เก่าทรุดโทรม รวมทั้งยังมีร.ร.ส่วนหนึ่งที่ต้องการอาคารเรียนเพิ่มเติมด้วย
5. งบประมาณสำหรับพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าไปวิเคราะห์ว่าโรงเรียนที่ผ่านการประเมินของสำนักรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)ใช้เงินในการพัฒนาการเรียนการสอนจำนวนเท่าใด แล้วนำค่าเฉลี่ยที่ได้มาคำนวณหางบประมาณในการพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับ ร.ร.ทั่วประเทศ และสุดท้าย 6.งบประมาณสำหรับสงเคราะห์นักเรียนด้อยโอกาส และยากจน
คุณหญิงกษมากล่าวว่า หากรัฐบาลสนับสนุนงบทั้ง 6 รายการให้อย่างเพียงพอ หรือเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามาสนับสนุนบางรายการ เช่น ช่วยจ้างครู ช่วยซื้อคอมพิวเตอร์ หรือสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนแล้ว ความจำเป็นของโรงเรียนที่จะต้องเก็บเงินพิเศษ เพิ่มเติมจากผู้ปกครองคงไม่มี อย่างไรก็ดี โรงเรียนยังสามารถระดมทุนมาสำหรับโครงการเฉพาะกิจ เฉพาะกรณีได้ แต่จะเป็นการทำเป็นครั้งคราว ไม่ใช่กิจวัตรประจำเหมือนอย่างทุกวันนี้ ที่โรงเรียนต้องขวนขวายหาทางหาเงินตอลดเวลา เพาราะงบที่ได้จากรัฐบาลไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริง
“ตามข้อมูลเก่าที่ใช้ในการเขียนโครงการเมกกะโปรเจค ถ้าไม่รวมงบจัดจ้างครูเพิ่มอีก 5 รายการที่เหลือจะต้องใช้งบประมาณขั้นต่ำจำนวน 23,000 ล้านบาท และวันที่ 25 มกราคมนี้ จะได้ตัวเลขทั้งหมดจากนั้น สพฐ.จะทำรายงานอธิบายว่า การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรีอย่างมีคุณภาพจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าใด และนำรายงานดังกล่าวเสนอ รมว.ศธ. และเชื่อว่า รมว.ศธ.จะได้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับ รมว.ศธ.คนใหม่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.ศธ.ว่า จะนำเรื่องนี้เสนอของบกับรัฐบาลหรือไม่ แต่ในการหาเสียงที่ผ่านมา ทุกพรรคการเมืองก็สนใจเรื่องการศึกษาฟรี 12 ปี ”
