xs
xsm
sm
md
lg

ใกล้หยุดยิง ไทยต้องได้คืนดินแดนทั้งหมด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
เมืองไทย 360 องศา

ผ่านมาถึงวันนี้ การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ 20 เข้าไปแล้ว พร้อมๆ กับการที่ฝ่ายกองทัพไทย ได้รุกคืบยึดคืนพื้นที่กลับมาได้ “เกือบหมด” แล้ว ต้องเน้นย้ำว่า “เกือบหมด”แล้ว เพราะในความเป็นจริงยังมีบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 เช่น ในพื้นที่ บ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ฝ่ายไทยยังควบคุมได้บางส่วน ขณะที่ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทางฝ่ายไทยก็ถล่ม “รังสแกมเมอร์” ในพื้นที่ปอยเปตฝั่งกัมพูชาจนแตกกระเจิง

สำหรับสาเหตุที่ยังไม่สามารถควบคุมทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าวได้ทั้งหมดนั้น จากการแถลงของศูนย์แถลงข่าวของกองทัพก่อนหน้านี้ระบุว่า เป็น เพราะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ การจะรุกคืบเข้าไปต้องใช้ความรอบคอบ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีอาวุธยิงสนับสนุนและทุ่นระเบิด ทำให้ฝ่ายไทยต้องรอบคอบและระมัดระวังอย่างมาก ซึ่งเรายังคงไม่ละทิ้งความพยายามในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน

สำหรับพื้นที่อื่นๆไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ก่อนหน้านี้ มีการปะทะกันหนักหน่วงนั้น เวลานี้ถือว่าฝ่ายไทยสามารถยึดกุมพื้นที่ และจุดยุทธศาสตร์ได้หมดแล้ว แม้ว่าฝ่ายกัมพูชายังมีการยิงตอบโต้ และพยายามรวบรวมกำลัง และใช้ปืนใหญ่รวมถึงอาวุธนานาชนิดยิงตอบโต้เพื่อหวังยึดพื้นที่ แต่ทางฝ่ายไทยก็ยังสามารถรักษาพื้นที่เอาไว้ได้ รวมทั้งได้เสริมที่มั่นให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ส่วนพื้นที่ของกองทัพเรือ ก็สามารถยึดคืนพื้นที่บริเวณที่เรียกว่าพื้นที่บ้านสามหลัง บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมืองฯ จังหวัดตราด ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวมทั้งได้ทำลายบ่อนกาสิโน ทมอดา ที่สร้างรุกล้ำดินแดนเข้ามาจนสิ้นสภาพ เอาเป็นว่าผลจากการสู้รบครั้งนี้ฝ่ายทหารไทยสามารถยึดคืนพื้นที่กลับมาได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ยังเหลือพื้นที่อีกไม่มากแล้วที่ยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว

อย่างไรก็ดี ก็ต้องปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าในที่สุดแล้วจะต้องมีการเจรจาเกิดขึ้นกันจนได้ ซึ่งผลจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้ว่าไม่อาจมีการแถลงการณ์ร่วมในเรื่องการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ออกมาได้ แต่ฝ่ายไทยก็สามารถผลักดันให้มีการเจรจา “ทวิภาคี” ระหว่างสองประเทศเกิดขึ้น โดยไม่มีประเทศที่สาม โดยกำหนดให้มีการเจรจาของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ จีบีซี โดยฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฝ่ายไทย ในวันที่ 24 ธันวาคม นี้ ที่จังหวัดจันทบุรี

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี)ฝ่ายกัมพูชา ได้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ ให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) วาระพิเศษเพื่อหารือ แนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 24 ธันวาคม นี้ โดยให้ย้ายไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย

ขณะที่ฝ่ายไทย ได้ทำหนังสือปฏิเสธตอบกลับไป โดยยืนยันต้องมาประชุมที่ อ.บ้านแหลม จ.จันทบุรี เพื่อยืนยันการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ไม่ประชุมในประเทศที่ 3 

แน่นอนว่า นี่คือลีลาของกัมพูชาที่ต้องออกแนวโยกโย้ หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ได้เห็นสัญญาณการเจรจาที่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แม้จะยังเชื่อว่าผลการประชุมในครั้งนี้ คงจะไม่มีอะไรที่เป็นข้อสรุปเป็นชิ้นเป็นอันอะไรนัก

ดังนั้น เมื่อเห็นสัญญาณแบบนี้ออกมาแล้ว ทำให้หลายคนมีความเห็นว่า เพื่อให้เกิดสันติภาพ หรือป้องกันปัญหาการสู้รบในวันข้างหน้าอีกรอบ ต้องทำให้ไทยได้คืนดินแดนกลับมาทั้งหมดเสียก่อน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่จบแน่นอน โดยเฉพาะความเห็นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นักวิเคราะห์การเมือง ระบุว่า การเจรจาหยุดยิงสงครามไทย-กัมพูชา เพื่อให้เกิดสันติภาพย่อมทำได้เมื่อไทยได้ดินแดนทั้ง 28 จุด ที่กัมพูชารุกล้ำครอบครองไว้กลับคืนมา

“ใครจะเจรจา (หยุดยิง) ก็ตาม ถ้ายังมีแม้แต่จุดเดียวที่กัมพูชาไม่ถอน (การรุกล้ำและครอบครอง) ออกไปก็จบไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่มีคำว่า เราได้ดินแดนส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ เพราะที่ชิงแผ่นดินคืนนั้นเป็นดินแดนไทย จึงอ้างส่วนใหญ่ไม่ได้ ไทยต้องได้กลับคืนมาทุกตารางนิ้ว”

อีกทั้งประเมินว่า การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา จะจบก่อนปีใหม่ย่อมเป็นไปได้ แต่ตนยังไม่เชื่อ ถ้าจะหยุดยิงกันจริงแล้ว ไทยต้องเอาดินแดนกลับคืนมาทั้งหมดด้วย หากกัมพูชายังไม่ถอยออกจากแผ่นดินไทย ก็ต้องรบกันต่อไป ดังนั้น การประชุมระดับทวิภาคี GBC วันที่ 24 ธ.ค.นี้ ไทยต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามครั้งที่สามขึ้นมาอีก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สงครามขณะนี้ สิ่งที่ต้องการเห็นคือ คนไทยต้องไม่คิดเป็นอื่น และดูเบาเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน หรือไม่รู้สึกรู้สา ว่า สาเหตุสงครามที่เกิดขึ้นมาจากการปล่อยปละละเลย จนหมักหมมปัญหากันไว้ โดยยอมให้กัมพูชาเข้ามายึดครองในเขตพื้นที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และเข้ามาตั้งบ้านเรือน ค่ายทหาร ในดินแดนของไทยแท้ๆ จนกัมพูชา รู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นความผิดพลาดมายาวนาน

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสงครามไม่เกิดขึ้น เพราะไทยยอมเสียดินแดน ถ้าไม่ยอมแล้ว การละเมิดกว่า 600 ครั้ง หรือ กัมพูชารุกดินแดนไทยทั้ง 28 จุดจะไม่ยอมเกิดขึ้น ดังนั้นการปล่อยให้รุกเข้ามาทั้ง 28 จุด จึงเป็นบทเรียนที่แพงที่สุดของไทย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต

“การเรียกร้องให้จบกันไปภายใต้ไทยเสียดินแดนนั้น เป็นการจบเพื่อพักรบเท่านั้น แต่จะเกิดสงครามไทย-กัมพูชาครั้งที่สามกันอีก ดังนั้น ถ้าสิ้นปียังไม่จบ ก็ต้องรบกันต่อปีหน้าอยู่ดี โดยต้องไม่จบภายใต้เงื่อนไขไทยเสียเปรียบเหมือนเดิม แม้เรารบได้คืนปราสาทตาควาย และเนิน 350 แต่ต้องได้ทุกพื้นที่ของไทยกลับคืนมา100%”

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องกลับมาเจรจากัน ซึ่งเท่าที่เห็นสัญญาณไม่ว่าจะเป็นการสู้รบที่เริ่มมีรายงานออกแล้วว่าอาจจะจบก่อนปีใหม่ แต่ถึงอย่างไรก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ประเทศไทยต้องยึดดินแดนที่ถูกรุกล้ำกลับคืนมาได้ทั้งหมดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์ และแม้เชื่อว่าปัญหาจะยังไม่จบแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อเราอยู่ในภาวะได้เปรียบ(ทางการรบ) เราก็ต้องไปให้สุดก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันบนโต๊ะเจรจา !!


กำลังโหลดความคิดเห็น