xs
xsm
sm
md
lg

ไทยใกล้ปิดจ็อบ “เขมรฮุนเซน”จวนสิ้นสภาพ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ฮุน เซน - สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
เมืองไทย 360 องศา

การที่ทหารไทยสามารถยึดเนิน 350 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่ โดยการปักธงชาติไทยขึ้นในบริเวณนั้น หลังจากก่อนหน้านั้นได้เข้ายึดปราสาทตาควายได้เป็นผลสำเร็จมาแล้ว ทั้งนี้การยึดพื้นที่บริเวณดังกล่าวเหมือนกับเป็น “สัญญลักษณ์แห่งชัยชนะ” ขณะเดียวกันทหารไทยยังสามารถยึดคืนพื้นที่อื่นๆกลับมาได้เกือบหมดแล้ว และอีกด้านหนึ่งยังสะท้อนให้เห็นว่าการตอบโต้จากฝ่ายกัมพูชาได้เบาบางไปเรื่อยๆ

สำหรับปราสาทตาควาย และเนิน 350 ตั้งอยู่ที่ บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ติดกับแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตัวปราสาทตั้งอยู่บนแนวสันเขาพนมดงรัก และอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 12–13 กิโลเมตร

แน่นอนว่า การยึดเนิน 350 ดังกล่าว ย่อมเป็นสัญญลักษณ์ และนำไปสู่การยึดพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงได้ทั้งหมด โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากการสรุปสถานการณ์ของ กองทัพภาคที่ 2 ในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาประจำวันที่ 20 ธ.ค. 2568 ตลอดทั้งวันตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบสำคัญ คือ

ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ช่องบก ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

พื้นที่ช่องอานม้า ยังไม่พบการรุกขนาดใหญ่จากฝ่ายกัมพูชา และฝ่ายไทยมีการปรับการยิงอาวุธสนับสนุนไปยังพื้นที่เป้าหมายตามสถานการณ์

ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ซำแต – โดนตรวล – ภูผี – สัตตะโสม – พนมประสิทธิโส – ช่องตาเฒ่า เกิดการปะทะในระดับเบาบาง ไม่มีการใช้อาวุธปืนใหญ่ แต่ยังมีการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดและปืนเล็กยาวเป็นระยะ ตรวจพบเหตุระเบิดในพื้นที่ฝ่ายกัมพูชา คาดว่าเป็นคลังกระสุนของทหารกัมพูชา ทั้งนี้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ โดยมุ่งเป้าไปยังพื้นที่หมู่บ้านตามี และแนวทิศใต้ของภูมะเขือ

พื้นที่ผามออีแดง – ห้วยตามาเรียทหารกัมพูชาพยายามเข้าตีบริเวณประตูเหล็ก ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการปะทะกันด้วยปืนเล็กยาวและเครื่องยิงลูกระเบิดกันต่อเนื่อง โดยฝ่ายไทยใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงตอบโต้ โดยเน้นเป้าหมายบนภูผีและห้วยตามาเรีย ทางฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดและปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง

ในช่วงบ่ายถึงเย็น ฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้าตีซ้ำบริเวณประตูเหล็ก แต่ฝ่ายไทยสามารถสกัดกั้นไว้ได้ฝ่ายไทยตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV/FPV) ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะบริเวณยอดภูมะเขือ และฝ่ายไทยสามารถทำลายเสาสัญญาณต้านอากาศยานไร้คนขับของฝ่ายตรงข้าม บริเวณเนิน 333

พื้นที่ภูมะเขือ – ช่องโดนเอาว์ – พลาญยาว – พลาญหินแปดก้อน ยังคงตรวจพบอากาศยานไร้คนขับแบบ FPV บินขึ้นจากบริเวณยอดภูมะเขือและทั้งสองฝ่ายมีการยิงปะทะเป็นครั้งคราว ไทยเราไม่ประมาณ ตรวจสังเกตุการณ์ตชอด 24 ชั่วโมง

ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม – ช่องเปรอ – ช่องระยีไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่สำคัญ

พื้นที่คนา เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยยิงสกัดกั้นการเสริมกำลังและการลำเลียงกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ด้านลึก

พื้นที่ตาควาย ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถังยิงโจมตีฐานทหาร โดยกำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัยทุกนายและทำการตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางทหารกัมพูชาทันที นอกจากนี้ยังตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับในหลายฐาน สะท้อนการลาดตระเวนด้านข่าวกรองอย่างเข้มข้น

ฝ่ายไทยสามารถยึดที่หมายได้สำเร็จ ทำการกวาดล้างพื้นที่และจัดตั้งฐานที่มั่น โดยได้มีการเคลื่อนย้ายร่างทหารที่เสียชีวิต 2 นาย ออกจากพื้นที่เนิน 350 เพื่อไปประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ

พื้นที่ช่องกร่าง ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่สำคัญ พื้นที่ตาเมือนธม ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่สำคัญ ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกูไม่พบความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

ตามรายงานดังกล่าวจะเห็นว่าเมื่อการสู้รบเริ่มเข้าสู่วันที่ 14 ฝ่ายกัมพูชาเริ่มมีการตอบโต้ที่เบาบางลงในแทบทุกพื้นที่ รวมไปถึงการทุ่มกำลังเพื่อยึดคืนพื้นที่ แม้ยังมีให้เห็นแต่ก็ไม่ถือว่า หนักหน่วงรุนแรงเหมือนเช่นที่ผ่านมา ทำให้เป็นข้อสังเกตในเยื้องต้นได้ว่าฝ่ายกัมพูชาโดยเฉพาะ นายฮุน เซน กำลังเริ่ม “สิ้นสภาพ”ลงไปเรื่อยๆ หลังจากที่ผลจากการปะทะกันคราวนี้ทำให้พวกเขาลดศักยภาพลงไป โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและรายได้ ไม่ว่าจากการท่องเที่ยว และที่สำคัญแหล่งรายได้สำคัญที่มาจาก “กาสิโน” และ สแกมเมอร์ ที่ถูกทหารไทยถล่มจนย่อยยับหลายแห่ง ล่าสุดคือที่ “ปอยเปต”

ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตากันก็คือ การเข้ามาแทรกแซงของมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงและเจรจากันโดยเร็ว แม้ว่าที่ผ่านมาท่าทีของพวกเขาเหมือนกับว่าจะ “หรี่ตา” ข้างหนึ่ง ไม่เข้ามากดดันเหมือนกับการปะทะครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะครั้งนี้ฝ่ายไทยได้ทำสงคราม “ถล่มรังสแกมเมอร์” จนเละ สร้างความประทับใจให้กับหลายชาติที่ได้รับผลกระทบจากโจรออนไลน์พวกนี้

อย่างไรก็ดี เมื่อการสู้รบกำลังเข้าสู่จุดที่ฝ่ายกัมพูชากำลังสิ้นสภาพ อ่อนแรงลงไป ก็ให้จับตาการเข้าสู่โหมดเจรจาต่อไป โดยให้จับตาการหารือกันของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในวันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม นี้ ที่ว่าด้วยเรื่องการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เข้าร่วม

ทั้งนี้ ท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ย้ำว่า ยังไม่มีการให้ประเทศใดเข้ามาเป็นคนกลาง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหรือรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ประเทศไทยยืนอยู่บนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องการยุติความสูญเสียโดยไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของฝ่ายไทยเชื่อว่าการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศที่มาเลเซีย ในวันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคมนี้ คงยังไม่ได้ข้อสรุปอะไร เพียงแต่ว่าไทยจะย้ำให้กัมพูชาทราบว่าหากต้องการหยุดยิงให้แจ้งมาโดยตรงห้ามผ่านประเทศที่สาม ซึ่งท่าทีแบบนี้แน่นอนว่าเรากำลังอยู่ในจุดที่เหนือกว่า “คุมเกม” ได้มากกว่า และที่สำคัญงานนี้ มหาอำนาจก็ “หรี่ตา”ให้ไทย ไม่รีบกดดันเหมือนคราวก่อน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น