“อภิสิทธิ์” เปิดเสียงสะท้อนประชาชนหลายหมื่นคน ชี้ ไทยกำลังติดหล่มปัญหาปากท้อง คอร์รัปชัน การศึกษา-สิ่งแวดล้อม จนคนไทยต้อง “ทนหายใจไปวันๆ” ประกาศเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 ต้องไม่วนซ้ำการเมืองอารมณ์ ชูจุดยืนการเมืองสุจริต ตัดวงจรผลประโยชน์ทับซ้อน ต้นตอความจนทั้งระบบ งัดสโลแกนแรง “ทนหายใจ-ไทยหายจน” ลั่นถึงเวลาปลุกความหวัง เปลี่ยนประเทศให้หลุดพ้นจากความจนทุกรูปแบบ
เมื่อเวลา 10.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่เราได้เชิญชวนให้ประชาชนแจ้งว่าปัจจุบันต้องทนอะไร และไม่ทนอะไร ปรากฏว่า มีประชาชนตอบเข้ามาหลายหมื่นคน ที่มีอารมณ์เดียวกันหมดว่ามีเรื่องมากมายที่ไม่อยากทน ทั้งเรื่องความยากลำบากปากท้อง ความยากจนของเกษตรกรในปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ผู้ประกอบการรายย่อยไม่อยากให้ต่างชาติตัดราคาทุนในตลาด ปัญหาการศึกษา สิ่งแวดล้อมภัยพิบัติฝุ่น PM 2.5 และที่มีเสียงสะท้อนมากสุดที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ เรื่องการคัดกรองทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ที่คอร์รัปชัน ความไม่สุจริตซึ่งอยู่เบื้องหลังปัญหาต่างๆ ที่เขาไม่อยากทน วันนี้หลายคนท้อแท้ เหนื่อย และเหมือนต้องทนหายใจไปวันๆ ในวันข้างหน้ายังมองไม่เห็นว่าจะไปอย่างไรและสุดท้ายก็ถามกันว่าแล้วเมื่อไหร่คนไทยจะหายจน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 8 ก.พ. 69 นี้ จะมีการเลือกตั้ง มันจะพอมีความหวังหรือไม่ ที่เราจะหลุดพ้นจากสภาพแบบนี้ หรือ เราจะเลือกตั้งกันไปหลายครั้งที่ผ่านมาแข่งขันกันในเรื่องของอารมณ์ การช่วงชิงทางการเมือง หรือเพียงนโยบายเฉพาะหน้าสุดท้าย ประเทศไทยก็ยังอยู่ที่เดิม วันนี้ตนและพรรคประชาธิปัตย์จึงมาเชิญชวนว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องประกาศให้ดังๆ ว่าประเทศไทยไม่ทน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรรคจะอาสามาเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ ด้วยแนวทางของการเมืองสุจริตไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ดำรงในฐานะสถาบันทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น และประสบการณ์สิ่งที่เราเคยทำมาเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ทำให้เรามั่นใจว่าถึงนี้เราสามารถให้คำตอบกับประเทศได้ว่าไม่ต้องหายใจไปวันๆ หรือทนหายใจ นี่คือสิ่งที่เป็นสภาพในปัจจุบัน
“ผมขอเล่นคำผวน “ทนหายใจ” กลายเป็น “ไทยหายจน” ซึ่งเป็นหลักสำคัญสุดของการเดินหน้าของประชาธิปัตย์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ โดยอาสาทำให้หลุดพ้นจากสภาพที่ต้องถอนหายใจไปสู่สภาพที่ไทยหายจน หลายคนอาจจะสงสัยว่าหมายถึงว่าเราจะสนใจแต่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจใช่หรือไม่ ไม่ใช่ครับ “จน” ที่พูดมีความหมายหลายอย่างไม่ใช่แค่ส่วน “เงิน” ด้วยปัญหาที่ว่าเศรษฐกิจใครติดหล่มมานาน ไม่ใช่เพราะมีการโกงอย่างเดียว แต่มีจนอื่นๆ ที่ตามมา ทั้งจนปัญญาเพราะระบบการศึกษา จนระบบที่บีบบังคับไม่มีทางสู้ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดที่ประชาธิปไตยยึดถือเป็นแกนนำหลักในการนำเสนอนโยบาย เพื่อรณรงค์การหาเสียงต่อไป”
พรรคประชาธิปัตย์สามารถขจัดความชั่วแก้ปัญหาสังคม และคุณภาพชีวิต โดยจะมีการเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน แต่สำคัญสุดไม่ว่าใครจะมาสมัคร สส. หรืออาสาเป็นนายกฯจะต้องรู้ว่าสำคัญที่สุดคือ “ทำให้ไทยหายจน” นโยบายที่จะนำเสนอต่อไปจะยึดความจนในรูปแบบทั้งหลาย เพื่อเราจะได้ตอบโจทย์ต่อไป
”วันนี้ย้ำอีกครั้งหมดว่าเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องทนกับสิ่งต่างๆ และสามารถหลุดพ้นไปสู่สภาวะหาชนได้ร่วมมือประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้เราไม่ต้อง “ทนหายใจ” แต่เราจะเป็น “ไทยที่จน” นายอภิสิทธิ์ ย้ำ


