ครม.เห็นชอบปรับปรุงมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนของการวางหลักประกันของนายจ้าง โดยให้วางเงินประกันไม่เกิน 1 แสนบาท เกินจากนั้นให้ส่งคืน
วันที่ 25 พ.ย.นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนของการวางหลักประกันของนายจ้าง และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง รวม 2 ฉบับ ได้แก่
(1) ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 (ฉบับที่ ..)
(2) ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 (ฉบับที่ ..)
2. ให้ รง. โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้
และความเข้าใจให้นายจ้างผู้ประกอบการ แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการ
ดังกล่าวอย่างทั่วถึง
สาระสำคัญของเรื่อง
1. โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบเกี่ยวกับมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว โดยการผ่อนผันให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามกลุ่มเป้าหมายอยู่ในราชอาณาจักรและสามารถทำงานในราชอาณาจักรได้ชั่วคราว เพื่อให้นายจ้างไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน และหากมีการดำเนินการครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนดจะได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2570 สำหรับแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569 สำหรับแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว และเวียดนาม แล้วแต่กรณี อาทิ ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวพร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน และวางหลักประกัน คนต่างด้าวดำเนินการตรวจสุขภาพหรือทำประกันสุขภาพ ซึ่งในการวางหลักประกันของนายจ้างเป็นไปตามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ และหลักประกันในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. 2564 โดยได้กำหนดให้นายจ้างที่ยื่นขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวต้องวางหลักประกันในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศในอัตรา 1,000 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน
2. ภาคเอกชนได้มีหนังสือถึง รง. เพื่อขอให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขการวางหลักประกัน ในการนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศทั้งการนำแรงงานเข้ามาทำงานตามระบบ MOU และการต่ออายุการทำงานของกลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวตามข้อ 2.1 เนื่องจากก่อให้เกิดภาระต้นทุนสูงแก่ภาคธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาและลดภาระค่าใช้จ่าย ให้กับนายจ้างและสถานประกอบการในการจ้างแรงงานต่างด้าว และสามารถนำเงินหลักประกันส่วนที่ได้รับคืนมาหมุนเวียนในการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจ อันจะส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บหลักประกันของนายจ้าง ให้มีความเหมาะสม เพื่อรักษาความมั่งคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกำหนดให้มีวางหลักประกันตามเงื่อนไข ดังนี้
2.1 กรณี นายจ้างนำคนต่างด้าวมาทำงานไม่เกิน 99 คน ให้วางหลักประกันเป็นจำนวน 1,000 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน
2.2 กรณีนายจ้างนำคนต่างด้าวมาทำงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ให้วางหลักประกันเป็นจำนวน 100,000 บาท
2.3 กรณีนายจ้างนำคนต่างด้าวมาทำงานตามข้อ 2.1 และในภายหลัง จำนวนคนต่างด้าวที่นำเข้ามารวมกัน มีจำนวนตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ให้ว่างหลักประกัน เป็นจำนวน 100,000 บาท
2.4 กรณีนายจ้างได้มีการวางหลักประกันไปแล้วเกินกว่า 100,000 บาท ให้กรมการจัดหางานคืนหลักประกันให้กับนายจ้าง
2.5 นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าเสียหายอันเกิดจากการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับตน และในกรณีที่หลักประกันที่นายจ้างวางไว้ลดลง เนื่องจากมีการหักหลักประกันให้นายจ้างวางหลักประกันเพิ่มจนครบตามจำนวนเงินที่กำหนด และหากหลักประกันที่นายจ้างวางไว้ถูกหักจนครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอในการจัดส่งคนต่างด้าวกลับ ให้นายจ้างยังคงมีความ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่งคนต่างด้าวกลับไปยังประเทศต้นทางให้ครบถ้วนตามจำนวนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
3. ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวแล้ว


