ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ภูมิใจไทย ติดเครื่องดูด “บ้านใหญ่” รวบการเมืองไทยมาอยู่ในมือ“ขั้วสีน้ำเงิน”
เห็นกันชัดเจนแล้วว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคภูมิใจไทย เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ตามวาระบอกว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่วาระสำคัญยิ่งกว่าคือเรื่องที่สังคมการเมืองกำลังจับตาว่าจะมีบ้านใหญ่ มาเปิดตัวตามที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้หรือไม่
แล้วก็ไม่ผิดหวัง เมื่อภูมิใจไทยตั้งใจดูด และบ้านใหญ่ก็เต็มใจให้ดูด ... มากันทั้งบ้านใหญ่ชลบุรี สุพรรณบุรี ระยอง และเพชรบุรี มีเพื่อไทยแถมมาด้วย
บ้านใหญ่เมืองชลฯ นำโดย “สนธยา คุณปลื้ม” แม้จะไม่ลงรอยกับ “บ้านใหม่เมืองชลฯ” ที่มี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มายึดหัวหาดไว้ก่อนแล้ว แต่ “สนธยา” ก็ยังมา
คู่นี้ มีเรื่องให้ต้องติดตามคือ จะแบ่งเขตการจัดตัวผู้สมัคร สส.กันอย่างไร เขตไหนเป็นของใคร โดยเฉพาะเขต 1 ที่ทั้งสองฝ่ายต้องการมีอำนาจเต็มในการจัดการ สุดท้ายใครจะได้คุม
ส่วนบ้านใหญ่สุพรรณบุรี “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มาพร้อมลูกพรรค อาทิ “อนุรักษ์ จุรีมาศ” สส.ร้อยเอ็ด “เสมอกัน เที่ยงธรรม” สส.สุพรรณบุรี “พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์” สส.นครปฐม “ศุภโชค ศรีสุขจร สส.นครปฐม” และ “นิกร จำนง” ในฐานะผู้อำนวยการพรรคฯ
พรรคชาติไทยพัฒนา มีสส. 10 คน เป็นสส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ “ท็อป วราวุธ” อีก 9 คนเป็น สส.เขต จากบ้านใหญ่ 3 จังหวัด
จ.สุพรรณบุรี ยกจังหวัด ประกอบด้วย “สรชัด สุจิตต์” เขต 1 “ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ” เขต 2 “นพดล มาตรศรี” เขต3 “เสมอกัน เที่ยงธรรม” เขต 4 และ “ประภัตร โพธสุธน” เขต 5
บ้านใหญ่นครปฐม ประกอบด้วย “ศุภโชค ศรีสุขจร” เขต 1 “พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์” เขต 3 “อนุชา สะสมทรัพย์” เขต 5 และ บ้านใหญ่ร้อยเอ็ด คือ “อนุรักษ์ จุรีมาศ”
แม้ “วราวุธ” จะยังไม่ได้บอกถึงความชัดเจนว่าจะมาร่วมงานกันอย่างไร อ้างว่ารอให้ยุบสภาก่อน แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องยกทีมมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ให้ “หนูนา” กัญจนา ศิลปอาชา ผู้เป็นพี่สาว มารั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อไม่ให้ใครว่าได้ ว่าไม่รักษามรดกตกทอด ที่ “เตี่ยบรรหาร” อุตสาห์สร้างไว้ให้ ส่วนพรรคจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ก็โบ้ยให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดหนูนา เป็นคนตัดสินใจ
ขณะที่บ้านใหญ่ระยอง “ปิยะ ปิตุเตชะ” นายก อบจ.ระยอง ก็มาเปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย หวังจะได้รับผลจากนโยบายกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะ เขตอีอีซี ของระยอง ให้เติบโตขึ้น
ส่วน “สาธิต ปิตุเตชะ” อดีต สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายตามมาด้วยหรือไม่นั้น อยากให้ “นายกฯอนุทิน” เป็นคนไปคุยเอง
สำหรับบ้านใหญ่เมืองเพชร ต้องยกเครดิตให้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ที่เป็นคนบุกไปทามทาม และได้ “ชัยยะ อังกินันทน์” นายกอบจ.เพชรบุรี และ “ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์” สส.เพชรบุรี เขต 1 “ฤกษ์ อยู่ดี” สส. เพชรบุรี เขต 2 จากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเข้าร่วม ซึ่ง จ.เพชรบุรี มีสส. ได้ 3 คน เท่ากับว่าตอนนี้ ดูดคนที่เป็น สส.มาได้แล้ว 2 คน แถมมีนายก อบจ.เป็นแบ็กที่สำคัญ
นอกจากนี้ ยังมี “สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ” สส.อุบลราชธานี พรรคพรรคเพื่อไทย ลูกสาว ชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ ซึ่งสวมเสื้อสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ “สรัสนนท์ อรรณนพพร” สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ก็มาปรากฏตัว เพื่อยืนยันว่า ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยแน่นอน ให้ทางพรรคเพื่อไทยหาผู้สมัครใหม่ได้เลย
ปรากฏการณ์ที่นักเลือกตั้ง “บ้านใหญ่” ไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย อาจเป็นเพราะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า “พรรคสีน้ำเงิน” มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เพราะในช่วงที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขึ้นเป็นนายกฯ ควบรมว.มหาดไทย ก็มีการโยกย้ายข้าราชการ ระดับปลัด นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี จำนวนมากซึ่งในทางการเมืองรู้กันดีว่า บุคคลเหล่านี้ คือ มือไม้ ที่เกี่ยวข้อง และมีผลกับการเลือกตั้งโดยตรง
ขณะเดียวกัน “สว.สีน้ำเงิน” ก็เดินเกมตั้งองค์กรอิสระต่อเนื่อง ทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, ป.ป.ช., คตง. กสม. และผู้ตรวจการแผ่นดิน และที่สำคัญคือ กกต. ที่จะมากำกับดูแลการเลือกตั้ง ที่เพิ่งมีการเลือกประธาน กกต. ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผลก็เห็นได้ชัดว่า องค์กรนี้ถูกยึดครองโดยสายสีน้ำเงิน นี่ยังไม่รวมถึง เลขาฯกกต. ที่เป็นคนในสาย “บุรีรัมย์ คอนเนกชัน” อีกต่างหาก
นักเลือกตั้งส่องกล้อม มองไกลว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทย ชนะ ได้เป็นรัฐบาล ก็จะมีสว.สีน้ำเงิน คอยผ่านกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ และตั้งบุคคลในองค์กรอิสระ เมื่อมีกรรมการบางคนหมดวาระ
โครงสร้างการเมืองที่เคยออกแบบไว้ ให้มีการ “ถ่วงดุล” กัน คานอำนาจกัน ก็จะถูกรวบมาอยู่ในมือของกลุ่มการเมือง “สีน้ำเงิน” สว.ก็จะกลั่นกรองกฎหมายไปตามใบสั่งของรัฐบาล องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็จะปิดหู ปิดตา ตัวเอง
อำนาจก็จะตกมาอยู่ในมือฝ่ายบริหาร แล้วอย่างนี้ ทำไม “นักเลือกตั้ง” นักแสวงหาอำนาจ จะไม่โอนเอียง ไหลเข้าหากลุ่มสีน้ำเงิน
นี่ขนาดยังไม่ยุบสภา ยังเห็นการเคลื่อนไหวของ “บ้านใหญ่” ที่ต้องรีบปรับตัว เหมือนกับว่าตัดสินใจก่อนได้เปรียบ
อย่าว่าแต่ระดับ “หัวหน้ามุ้ง”เลย ขนาดระดับหัวหน้าพรรคการเมือง อย่าง “ท็อป วราวุธ” ยังยอมทิ้งพรรค เพื่อมาเข้าร่วม
รอบที่แล้วตอนที่พรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล “ท็อป” ตกขบวนไปครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้จึงไม่ยอมตกขบวนซ้ำเป็นครั้งที่สอง แน่
++ “พรรคส้ม” เปิดตัว “ณัฐพงษ์-ศิริกัญญา-วีระยุทธ” 3 แคนดิเดตนายกฯ
เพราะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ขู่จะยุบสภา 12 ธ.ค.นี้ ไม่รอให้ถึง 31 ม.ค.69แล้ว ถ้าพรรคเพื่อไทยยังไม่เลิกให้ข่าวเขย่าขวัญ เรื่องจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
“ภูมิใจไทย” แสดงออกให้เห็นถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง โดยประกาศแคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนออกมาแล้ว คือ “อนุทิน-เอกนิติ-ศุภจี” แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็คงไม่ต่างไปจากนี้ และยังโชว์ภาพบ้านใหญ่ไหลเข้าพรรคให้เห็นกันชัดๆ อีก
ทำให้พรรคประชาชน ที่เคยบอกว่าจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ต้องเปลี่ยนแผน โดยเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯไปเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.)
ประกอบด้วย เบอร์ 1 “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน... เบอร์ 2 “ ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย... และเบอร์ 3 “วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” รองหัวหน้าพรรคฝ่ายยุทธศาสตร์
“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หรือ “เท้ง” อายุ 38 ปี จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เคยทำงานบริหารบริษัทด้านเทคโนโลยี ก่อนเข้าสู่งานการเมือง เลือกตั้งปี 2562 ชนะในเขตบางแค ในนามพรรคอนาคตใหม่ และได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2566 แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก่อนที่พรรคถูกยุบ และก่อตั้งพรรคประชาชน ซึ่ง “เท้ง” ได้เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก
“เท้ง” บอกว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะบริหารในสไตล์วิศวคอมพิวเตอร์ ดึงตัวตนของตัวเองออกมาให้มากที่สุด และถ้าจะให้พูดสรุปเป็นคำ 3 คำ ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ก็ คือ 1.ไม่เทา 2.เท่าเทียมกัน และ 3. เท่าทันโลก
ส่วน “ศิริกัญญา ตันสกุล” ชื่อเล่น “ไหม” อายุ 44 ปี จบปริญญาตรี–โท จากคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และปริญญาโท เพิ่มเติมจากมหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส เคยเป็นนักวิชาการสถาบันอนาคตไทยศึกษา และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ก่อนเข้าสู่การเมือง เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งในพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ตอนนี้เป็นรองหัวหน้าพรรค
บทบาทของ “ไหม” ในช่วงที่ผ่านมาคือ ผู้รู้ด้านเศรษฐกิจของพรรค
ขณะที่ “วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” หรือ “อาจารย์ต้น” อายุ 46 ปี จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาฯ รวมถึงปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร เคยดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ด้านนโยบายสาธารณะ ที่สถาบัน GRIPS ประเทศญี่ปุ่น ก่อนถูก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ชักชวนมาร่วมงานการเมือง และเป็นหนึ่งในมันสมองด้านนโยบาย ของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ก่อนก้าวขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาชน หลังการยุบพรรคก้าวไกล
เรียกว่ามี “ดีเอ็นเอ” ของพรรคส้มมาตั้งแต่ต้น
ใน 3 ชื่อนี้ “เท้ง ณัฐพงษ์” กับ “ไหม ศิริกัญญา” นั้น มีบ่วงคล้องคออยู่ คือ ถูกคณะกรรมการป.ป.ช. ไต่สวนกรณีร่วมลงชื่อ เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อปี 2564 ว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่
หากอยู่ในช่วงเข้าด้าย เข้าเข็ม กำลังลุ้นจะเป็นนายกฯ เกิดป.ป.ช. มีมติชี้เปรี้ยง ว่ามีมูลความผิด แล้วยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา และศาลฯรับฟ้อง ทั้งสองคนนี้ ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที จนกว่าจะมีคำพิพากษา และหากถูกศาลชี้ว่า ผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริง ก็อาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
มองในมุมนี้ แม้ “อาจารย์ต้น” จะเป็นเบอร์ 3 ก็มีโอกาสลุ้นเก้าอี้นายกฯเหมือนกันนะ


