xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองระบบ“มุ้งพลัส” พลังดูดภท.เกินต้านทาน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - วราวุธ ศิลปอาชา - สนธยา คุณปลื้ม
เมืองไทย 360 องศา

นาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลสำรวจจากสำนักไหน ก็ต้องออกมาตรงกันว่า “ความนิยม” ของพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรค ถือว่า “พุ่งพรวด” จนทุกฝ่ายต้องจับตามอง

แม้ว่าเวลานี้หากพิจารณาจากในแง่ความนิยมในส่วนของพรรค ยังตามหลังพรรคประชาชน แต่กำลังไล่ “จี้ติด” เข้ามาใกล้มากแล้ว ขณะที่ในส่วนของตัวหัวหน้าพรรคนั้น เวลานี้ถือว่า นายอนุทิน เริ่มขึ้นนำ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แล้ว และเชื่อว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่กี่สัปดาห์ น่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปอีกแบบอย่างแน่นอน

ผลสำรวจล่าสุดของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคตะวันออก” จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนภาคตะวันออก จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 39.75 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 15.90 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 15.35 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 8.20 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 5.60 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 3.75 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 3.65 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย)

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนภาคตะวันออกจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.90 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 24.65 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 10.95 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 4 ร้อยละ 7.95 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 7.50 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 4.25 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ

ขณะที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง“พรรคการเมืองไทย พรรคใดได้เปรียบ” พบว่า พรรคภูมิใจไทย ถือเป็นพรรคที่มีความได้เปรียบมากที่สุดถึง 8 เรื่อง ขณะที่พรรคประชาชนมีความได้เปรียบ แค่ 2 เรื่อง ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้เปรียบเพียงข้อเดียว คือ ประสบการณ์ทางการเมือง

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยประชาชนมองว่ามีศักยภาพเชิงโครงสร้างในการทำงาน ขณะที่พรรคประชาชนเด่นด้านภาพลักษณ์ใหม่ สื่อสารดี และตรวจสอบได้ ส่งผลให้คะแนนนิยมแบบบัญชีรายชื่อขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่งแม้ไม่ทิ้งห่างภูมิใจไทยมากนัก หากมีการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ทิศทางการแข่งขันน่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแปลงภาพลักษณ์และศักยภาพที่มีให้เป็นความเชื่อมั่นเพื่อตัดสินใจในวันเลือกตั้ง

จากผลสำรวจของสำนักโพลดังกล่าว มันก็สะท้อนชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทย และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กำลังมาแรง จนเรียกว่า “ก้าวกระโดด” แม้ว่าหากพิจารณาอันดับแล้ว เวลานี้ยังถือว่าสูสีอยู่กับพรรคประชาชน ที่ถือว่าตอนนี้ยังตามหลังอยู่ แต่เมื่อมองแนวโน้มแล้วก็ต้องบอกว่าโอกาสที่ นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย จะมีความนิยมนำหน้าพรรคประชาชนในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่ยากนัก

ปรากฏการณ์ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ชิงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพิ่มอีกสองคน คือ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้กระแสพุ่งพรวดขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะกระแสนิยม นางศุภจี ที่ “กระหน่ำ” มากในโลกโซเชียลฯ แม้ว่าในความจริงทั้งสองคนดังกล่าวยังไม่ได้ตอบรับก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว ความเป็นไปได้ก็ยังถือว่าสูง อีกทั้งในทางการเมืองแล้ว บางครั้งเมื่อ “เข้ามาแล้วมักออกยาก”

ดังนั้น เมื่อปรากฏการณ์เป็นแบบนี้ ย่อมทำให้พรรคภูมิใจไทยติดลมบนทันที เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของพรรคนี้มักออกไปทาง “โทนสีเทาๆ” และที่สำคัญ ไม่เคยมี “ทีมเศรษฐกิจ” เป็นของตัวเอง การได้ทั้งคู่ รวมทั้งคนอื่นมาร่วมเป็นรัฐมนตรีในโควตาคนนอก ช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาพของรัฐบาลดูดีขึ้นมาก ประกอบกับผลงานในช่วงสั้นๆ ก็ถือว่ายังไม่มีข้อผิดพลาด มีผลงานให้จับต้องได้

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งความเคลื่อนไหวภายในพรรคที่มีโครงสร้างในแบบ “มุ้ง” การเมือง และแบบ “บ้านใหญ่” ที่เปิดทางให้ไหลเข้ามา จากความมั่นใจว่าหลังการเลือกตั้งพวกเขามีโอกาสได้เป็นฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะโอกาสการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งนี่คือสาเหตุของ “พลังดูด” ให้เห็นว่าสารพัดกลุ่มก๊วน และบ้านเล็ก บ้านใหญ่ทั่วประเทศ ต่างไหลเข้ามาที่พรรคภูมิใจไทย

ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาร่วมก็คือ กลุ่ม “บ้านใหญ่ชลบุรี” ที่นำโดย นายสนธยา คุณปลื้ม และพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา ที่นำมายกพรรค โดยระหว่างที่พรรคภูมิใจไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1 /2568 ได้มีการเปิดตัวกลุ่มการเมืองที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย โดยนายวราวุธ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมลูกพรรค นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง พี่ชายนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จาก พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ นายสนธยา แกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี เดินทางมาถึงพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสิริพงศ์อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับ

ถัดมา นายวราวุธ พร้อมด้วยลูกพรรคประกอบด้วย นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี นายพาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม นายศุภโชค ศรีสุขจร สส.นครปฐม นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมี นายภราดร นายสิริพงศ์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายกรวีร์ ปริศนานทกุล รอให้การต้อนรับ

ถือว่าชัดเจนโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การเข้ามาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ของพวกเขา เป็นการเพิ่มขนาดของพรรค และเพิ่มจำนวนส.ส.ให้เข้าเป้า จนสามารถเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอีกครั้งในสมัยหน้า และอย่างที่บอกลักษณะการเข้ามาของกลุ่มการเมือง จะมีลักษณะในแบบ “มุ้ง” ใครมุ้งมัน การบริหารจัดการหรือการ “ดูแล” บางกลุ่มอาจบริหารกันเอง แบบ “แยกเป็นเอกเทศ” ขณะที่บางกลุ่มหรือ “บางบ้าน” อาจมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในเรื่อง“กระสุน” ซึ่งว่ากันไปตามเฉพาะกรณีไป แต่เอาเป็นว่า นี่คือรูปแบบ “มุ้งพลัส” ที่รวมกันแบบหลวมๆ และ“โควตารัฐมนตรี” ก็จะว่ากันตามจำนวนที่แต่ละกุล่มได้มา

ดังนั้น ด้วยรูปแบบการบริหารจัดการ และการรวมกลุ่มแบบนี้ สำหรับพรรคภูมิใจไทย ในตอนนี้ถือว่าได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ที่สามารถสร้างพลังดูดเข้ามาเรื่อยๆ แบบไร้ข้อจำกัด เพราะนี่คือระบบ “มุ้งพลัส” ที่มีทั้งแนวร่วมพันธมิตร และการเข้ามาสวามิภักดิ์ เอาเป็นว่ายุบสภาวันไหน พวกเขาก็ได้เปรียบ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น