"จุลพันธ์" ยันลูก "ชูวิทย์ กุ่ย” ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย เชื่อปมพ่อ-ลูกคนละพรรค เป็นเรื่องปกติ ปรับความเข้าใจได้ รับชื่อหลุดแคนดิเดตนายกฯ กระแสดี แต่ตอนนี้ยังไม่เคาะรายชื่อ
วันที่ 14 พ.ย.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากไลน์กลุ่ม สส. พรรคเพื่อไทย จนมีการคาดการณ์ว่าอาจจะย้ายไปพรรคกล้าธรรมตามพ่อ ว่า การออกจากกลุ่มไลน์ไม่มีสื่ออะไร เพราะคนเข้าออกกลุ่มไลน์เป็นเรื่องปกติ ขออย่าเอาเรื่องเทคโนโลยีเล็กน้อยมาเป็นประเด็น ยืนยันว่า นางสาวสุดารัตน์เป็นบุคลากรที่มีคุณค่า และทํางานเต็มที่กับพรรคมาตลอด เป็นบุคลากรที่มีความรู้ เราเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของทุกคนและกล้าพูดว่าในกรณีนางสาวสุดารัตน์รักเพื่อไทย ใจอยู่ที่นี่ และยังเชื่อมั่นในการทํางานร่วมกัน
ส่วนเรื่องอื่นที่เป็นปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามา เราจะต้องปรับความเข้าใจกัน ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรที่เกินกว่าจะแก้ไข และเชื่อมั่นว่านางสาวสุดารัตน์ ยังไม่ออกจากพรรค
ส่วนเหตุผลที่ออกจากกลุ่มไลน์ เกิดจากแรงกดดันภายในพรรคที่พ่อกับลูกอยู่คนละพรรค นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ละคนมีแนวทางทำงานที่แตกต่างกัน เพื่อให้ประสบความสําเร็จ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล นายชูวิทย์ ที่เรารู้จักกันดี อยากใช้ความรู้ความสามารถโดยไปร่วมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร แต่ในส่วนของอุดมการณ์เชื่อมั่นว่า นางสาวสุดารัตน์ ยังพร้อมทําหน้าที่พรรคเพื่อไทยต่อไป และขณะนี้มีคนไปพูดคุยแล้ว พร้อมย้ำว่ายังไม่ไปไหน ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่มีอีกหลายท่านที่มีลักษณะเดียวกัน คือ พ่อกับลูกอยู่คนละพรรค โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สําหรับคนที่อยู่ตนในฐานะหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค มีความเชื่อมั่นในหลักการและหลักคิดของทุกคน ทุกคนยืนยันในแนวคิด อุดมการณ์ หลักการที่จะต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยต่อไป และเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในที่เราจัดการได้ ไม่ขอให้ตีเป็นประเด็นต่อเนื่อง เพราะการดําเนินการทางการเมืองของครอบครัว แต่ละบ้านอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ ซึ่งตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นที่พรรคให้ความสําคัญ
สําหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรามีการวางกรอบไทม์ไลน์ว่าในช่วงกลางเดือนธันวาคม จะต้องเปิดตัวให้ครบ 400 เขต ซึ่งในช่วงนี้อาจมีบางพื้นที่ที่ละเอียดอ่อน และต้องใช้เวลาในการคัดสรร ส่วนวันนี้ที่มีการเปิดตัว ว่าที่ ผู้สมัคร สส. นนทบุรี ทั้ง 8 คน พบว่าบุคลากรมีความเข้มแข็ง เป็นอดีต สส. และ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) ที่มีความเข้มแข็ง ทํางานกับคนในพื้นที่ เป็นคนที่ได้รับการยอมรับ และผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกอย่างถล่มทลาย ทั้งนี้ เชื่อว่าความเป็นเพื่อไทยยังขายได้ และได้รับการตอบรับในกลุ่มประชาชน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็ให้การต้อนรับพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าจังหวัดนนทบุรีจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ส่วนจังหวัดสมุทรปราการก็จะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ ขณะที่ ตระกูลอัศวเหมขอให้รอถึงวันที่เหมาะสมในการเปิดตัง แต่ตอนนี้ยังไม่อยากพูดถึง
ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีการทาบทามแล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นรายชื่อที่ออกมาผ่านสื่อยังไม่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการบริหารพรรค ยังอยู่ในขั้นตอนของการพูดคุย ส่วนชื่อที่มีการเปิดเผยออกมา แสดงว่าอยู่ในความสนใจของสื่อและประชาชน แต่สุดท้ายจะมีรายชื่อใดบ้าง จะต้องไปเชิญ และรอการตอบรับ รวมถึงผ่านกระบวนการของพรรคซึ่งมีอีกหลายขั้นตอน ที่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยหรือเชิญใคร
สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มองหาอยู่นั้นมีจำนวนมาก แต่ต้องมองบุคลากรที่มีความพร้อม และแนวคิด อุดมการณ์ที่ตรงกัน แล้ววันนี้จะยังไม่มีรายชื่อหลุดออกมาอย่างแน่นอน


