“ลิณธิภรณ์” ยังข้องใจแนวทางรัฐบาลปล่อยชาวบ้านจมบาดาล 6 เดือน วอน “ธรรมนัส” เลิกสวดฝนแล้วเร่งบูรณาการใช้เทคโนโลยีทุกหน่วยงานภาครัฐ รับมือ-สื่อสารประชาชนก่อนวิกฤต
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางและแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล กรณีให้สัมภาษณ์ว่าระดับน้ำทั่วประเทศจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเดือนมกราคม 2569 หากไม่มีพายุหรือฝนตกหนักเพิ่ม และยืนยันว่าจะไม่ซ้ำรอยวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ดร.ลิณธิภรณ์ ระบุว่า ประชาชนคาดหวังรัฐบาลบริหารจัดการน้ำ บนพื้นฐานของข้อมูล เทคโนโลยี และการวางแผนเชิงพื้นที่ อย่างนโยบาย “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” แผนบริหารจัดการน้ำระยะยาวที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยเสนอไว้ ไม่ใช่บริหารอยู่บนพื้นฐานของการคาดเดา ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และอนุงบประมาณด้านการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ขอย้ำว่า ประเทศไทยมีหน่วยงานด้านนี้อยู่แล้ว อย่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ที่สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม ประเมินปริมาณน้ำฝน และคาดการณ์แนวทางการไหลของน้ำในแต่ละพื้นที่ได้อย่างละเอียด แต่รัฐบาลกลับใช้ศักยภาพของข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่มาช่วยตัดสินใจบริหารจัดการน้ำไม่มากพอรึไม่ ตลอดถึงการบูรณาการทุกหน่วยงานของภาครัฐและการนำเทคโนโลยีที่ทุกหน่วยงานมีอยู่มาร่วมกันวางแผนและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ใช่การเลือกใช้การเดาอากาศแบบภาวนาให้ฝนหยุดตก
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ของ สส. และผู้บริหารพรรคเพื่อไทยในหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางที่เป็น “พื้นที่รับน้ำ” พบว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงประสบปัญหาน้ำท่วมขังต่อเนื่องยาวนานกว่า 2-3 เดือน ไฟฟ้าใช้การไม่ได้ น้ำเริ่มเน่าเสีย ระบบประปาใช้การไม่ได้ และหลายครอบครัวยังขาดแคลนน้ำสะอาดใช้บริโภค ถ้าจะให้ประชาชนเหล่านี้รอจนถึงเดือนมกราคม ตามที่รองนายกฯ ธรรมนัส พูด นั่นหมายถึงให้ประชาชนจมบาดาลนานถึงครึ่งปี เงินเยียวยาที่แจกอยู่ก็ไม่พอจะฟื้นชีวิตได้ ถ้ารัฐบาลจะช่วยจริง ควรกำหนดอัตราเยียวยาที่สะท้อนสภาพพื้นที่จริง เช่น พื้นที่ลุ่มรับน้ำ พื้นที่เกษตรกรรม หรือเขตชุมชนเมืองที่เสียหายหนัก ต้องไม่ใช้สูตรเดียวกันทั่วประเทศ
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรสื่อสารเชิงรุกและเตรียมความพร้อมให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการย้ายของขึ้นที่สูง การสำรองอาหาร ยา และการติดต่อหน่วยงานช่วยเหลือในพื้นที่ รัฐบาลต้องบอกให้ชัด ไม่ใช่พูดแต่คำว่า ไม่ซ้ำรอยปี 54 เพราะมันผ่านมาเกือบ 15 ปีแล้ว ความทรงจำของประชาชนไม่ใช่ระบบเตือนภัย
“ดิฉันและพรรคเพื่อไทยเรียกร้องไม่ใช่การ “ตื่นตูม” แต่คือการ “ตื่นตัว” เพราะการเตรียมพร้อมคือหัวใจของการบริหารประเทศที่มีความรับผิดชอบ แต่การพูดว่าน้ำจะลดเองเป็นเรื่องของฟ้า ฝน หรือดวง เป็นวิธีคิดของนักการเมืองยุคเก่า วันนี้รัฐบาลควรต้องคิดแบบวิทยาศาสตร์และมองประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะสิ่งที่เราอยากเห็นไม่ใช่คำสัญญา แต่คือแผนที่ทำได้จริงก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว


