“สว.ภิญญาพัชญ์“ ทวงเงินเยียวยา “น้ำท่วม-ชายแดน” หวังงบ 69 จะได้บทเรียนในการช่วยเหลือประชาชน สงสัยเงินที่ลงไปถึงมือคนปฏิบัติงานหรือไม่ บอกไม่อยากเห็นความผิดพลาดซ้ำสอง
วันนี้ (2 ก.ย. 2568) น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว. อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 หมวดความมั่นคง ด้านภัยพิบัติและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติว่า ใน 3 ประเด็นหลัก ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของประชาชน คือเรื่องงบประมาณในการการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ถี่และรุนแรงขึ้น ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า ดินถล่ม และแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฏงบแยกเฉพาะสำหรับการวางแผนรับมือ ฟื้นฟู และพัฒนาองค์ความรู้ด้านภัยพิบัติอย่างชัดเจนเลย หลายพื้นที่ยังขาดระบบเตือนภัยล่วงหน้า ขาดแผนฟื้นฟูระยะสั้นและยาว และที่สำคัญ ประชาชนยังขาดการมีส่วนร่วมและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นเมื่อเกิดเหตุ
“ในช่วงที่ผ่านมา ดิฉันได้ลงพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดน่านเพื่อเก็บข้อมูลนำมาศึกษา และไปช่วยเยียวยาผู้ประสบภัยจากพายุที่พัดถล่ม หลายท่านคงจะจำกันได้ ซึ่งรอบนั้นทั้งจังหวัดมากกว่า 50% ท่วมถึงชั้นสอง ชาวบ้านต้องหนีตายกัน อพยพกันแทบไม่ทัน ตอนนั้นมีอุปสรรคในการจัดการด้านภัยพิบัติเป็นอย่างมาก ทั้งการรับมือ การขนส่ง ลำเลียงอาหารเสบียง เคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง และหลายพื้นที่น้ำมาแล้ว แต่การแจ้งเตือนยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า หลังจากน้ำลดแล้ว ก็ยังพบว่ามีการติดค้างเงินเยียวยาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ตนหวังว่าการจัดงบประมาณเพื่อลงไปดูแลในส่วนนี้ จะนำเอาเหตุการณ์ที่พวกเราเคยเจอมาเป็นบทเรียนและนำไปพัฒนาให้ดีขึ้น ตนไม่อยากเห็นความผิดพลาดซ้ำสอง เชื่อว่าการจัดสรรงบประมาณจะเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกัน ไม่ใช่รอให้ปัญหาเกิดแล้วมาเยียวยา
งบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรวมในด้านนี้ คิดเป็น 3.9% ของงบประมาณทั้งประเทศ แม้ตัวเลขจะดูน่าพึงพอใจ แต่หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งกลับพบว่าการจัดสรรยังไม่ตอบโจทย์เชิงพื้นที่จริง เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญ ภาคอีสานตอนล่าง หรือภาคเหนือที่เผชิญไฟป่าทุกปี ไฟป่าปีที่แล้วดิฉันอ่านจากข่าวเห็นบางครั้งเจ้าหน้าที่ต้องหาอุปกรณ์ในการช่วยเหลือตัวเอง บางคนถึงขั้นเสียชีวิต ก็มีคำถามตามมา คือเราจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ ถึงมือผู้ปฏิบัติงานจริงหรือไม่
งบประมาณสำหรับพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติเหมือนกัน ที่ประชาชนในพื้นที่ยังเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างมาก แม้หลังผ่านภัยพิบัติไปแล้วก็ตาม ภาพของชาวบ้านที่โดนระเบิด ร้านค้าที่โดนถล่ม หรือครอบครัวที่ต้องอพยพ ยังฝังลึกในใจของตน เพราะแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐผ่านงบประมาณที่จัดสรรไว้ แต่การเข้าถึงเงินเยียวยากลับไม่ง่ายอย่างที่ควรจะเป็น หลายคนต้องเสียเงินถ่ายเอกสารเอง ชาวบ้านเขาสะท้อนมาว่าต้องเผชิญกับขั้นตอนราชการที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ต้องเสียเวลาเดินทางไกลไปยังสำนักงานต่างๆ แม้จะเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง แต่กลับต้องมาแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาเหล่านี้
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ย้ำว่า ความทุกข์ของประชาชนไม่ควรถูกละเลย ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองหรือชาวชายแดน การบริหารงบประมาณเยียวยาไม่ควรเป็นเพียงตัวเลขในกระดาษ แต่ต้องเปลี่ยนเป็น ชีวิตและความหวังที่จับต้องได้จริง ดิฉันขอฝากไว้ด้วยความหวังว่า ปีงบประมาณ 2569 นี้ จะเป็นก้าวสำคัญ ที่เราจะช่วยกันทำให้ระบบเยียวยามีความจริงใจ โปร่งใส และเข้าถึงประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง