xs
xsm
sm
md
lg

สมช.เคาะมติระงับปฎิญญากัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องกัมพูชารับผิดชอบเหตุวางทุ่นระเบิด ไฟเขียวปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ "บิ๊กเล็ก" เลิกคุย GBC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมช.เคาะเห็นชอบมาตรการระงับปฎิญญากัวลาลัมเปอร์ เรียกร้อง “กัมพูชา” แสดงความรับผิดชอบ พร้อมไฟเขียว การปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ อุบบอกรายละเอียด-ขนอาวุธหนักกลับที่ตั้ง ด้าน ”บิ็กเล็ก“ ล้มโต๊ะ GBC ลั่นไม่เจรจาแล้ว ขณะที่ “สีหศักดิ์” ชี้ไทยเด็ดขาดแล้ว แต่เด็ดขาดได้อีก



วันนี้(11 พ.ย.68) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหามาตรการตอบโต้กัมพูชา กรณีที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเพิ่ม ซึ่งใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานการประชุม ได้ปฏิเสธที่จะแถลงข่าว โดยมอบหมายให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมร่วมกัน

พลเอก ณัฐพล ระบุว่า การประชุมวันนี้มีการพิจารณาประเด็นหลักใน 3 เรื่อง คือ การสูญเสียกำลังพลของกองทัพไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ 2.การมีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทยถือว่า มีผลต่ออธิปไตย 3.รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย และชีวิตของคนไทยอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งที่ประชุมได้ระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 ข้อ และยุติการทรงเชลยศึกคืนให้กับกัมพูชา

ด้านนายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด เราถือว่า ถ้อยแถลง หรือ Joint Declaration ซึ่งท่าทีของไทยที่ผ่านมาจะนำไปสู่สันติภาพ และได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงต่าง ๆ ที่ได้ระบุไว้ในปฏิญญา โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา ดังนั้นท่าทีของไทยก็คือ ระงับการปฎิบัติ แต่พื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่การดำเนินการฝ่ายเดียวของไทย เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ก็ยังคงอยู่ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน


นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ได้ทำการประท้วง พร้อมทั้งได้พูดคุยกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศกัมพูชา เพื่อประท้วง ซึ่งได้บอกไปว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเป็นการละเมิดกับสิ่งที่เราตกลงกันไว้ เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องประท้วง และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะมีการส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกัมพูชาอีกครั้ง รวมถึงจะมีการทำหนังสือประท้วงไปในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เรื่องการห้ามใช้ทุ่นระเบิด ควบคู่ไปกับการชี้แจง การดำเนินการ และท่าทีของฝ่ายไทย ซึ่งจะมีการชี้แจงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศมาเลเซีย ในฐานะประเทศสักขีพยานในการลงนามร่วมว่า เพราะเหตุใด ไทยถึงมีความจำเป็นที่ต้องระงับปฏิญญา

นอกจากนี้ยังต้องชี้แจงไปยังประชาคมโลก โดยจะมีการประสานไปยังกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เพื่อนำข้อเท็จจริงต่าง ๆ มาเสริมท่าทีของไทยให้มีความหนักแน่น และมีความชอบธรรม ซึ่งหากต้องการให้การปฎิบัติตามข้อตกลง ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจะต้องแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เช่น การแสดงความเสียใจ และตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ พร้อมกำหนดมาตรการไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอะไรตอบโต้เพิ่มเติม หรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีการระงับปฏิญญา ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เราก็ดำเนินการฝ่ายเดียวในพื้นที่ของไทยต่อไป

เมื่อถามว่า เราทำได้แค่การประท้วง แต่ยังไม่สามารถกดดันกัมพูชาได้ นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า เรายังต้องประท้วง เพราะเขาละเมิดข้อตกลง เราก็ต้องประท้วง ให้ประชาคมโลกเข้าใจว่า เหตุใดไทยจึงต้องดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งเราไม่ได้ประท้วงอย่างเดียว แต่เราระงับการปฎิบัติตามปฏิญญาด้วย ซึ่งการถอนกำลังนับจากนี้ก็ต้องระงับไว้ก่อน รวมถึงข้ออื่น ๆ ยกเว้นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่เราสามารถดำเนินการฝ่ายเดียวได้ พร้อมยืนยันว่า จะมีการประณามด้วย

เมื่อถามว่า นี่คือมาตรการขั้นเด็ดขาดของฝ่ายไทยแล้วใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ถือว่า มีความเด็ดขาด กับท่าทีที่ชัดเจน ซึ่งต้องดูว่า ต่อจากนี้ฝ่ายกัมพูชาจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร เราก็จะยกระดับความเด็ดขาดของเราขึ้นไปอีกก็ได้
เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงท่าทีออกมาแล้วว่า มีความกังวลต่อการระงับปฏิญญา นายสีหศักดิ์ ระบุว่า เขาก็แสดงท่าทีแบบนั้นมา แต่เราคิดว่า การที่เขาแสดงท่าทีต่อประเทศไทยยังไม่เพียงพอ

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินท่าทีของฝ่ายกัมพูชา หรือไม่ หลังออกมาปฏิเสธว่า เป็นทุ่นระเบิดใหม่ แต่เป็นทุ่นระเบิดเก่า และไม่เข้าข่ายที่จะเป็นมิตรต่อประเทศไทย นายสีหศักดิ์ กล่าวย้ำว่า การชี้แจงของฝ่ายกัมพูชายังไม่เพียงพอ จนทำให้ไทยมีความมั่นใจว่า ต้องระงับปฎิญญา และต้องติดตามท่าทีของฝ่ายกัมพูชานับจากนี้ ต่อการตัดสินใจของไทยในครั้งนี้

เมื่อถามว่า จะสามารถคว่ำบาตรความสัมพันธ์ได้หรือไม่ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่า ก็คือ ระงับปฎิญญา, ทำหนังสือประท้วง และรอดูท่าที ซึ่งการเจรจาเรายังไม่ได้พูดถึง เพราะยังไม่มีพื้นที่ สำหรับการพูดคุย ซึ่งต้องดูท่าทีตอบสนองของฝ่ายกัมพูชาก่อน

เมื่อถามว่า ทำไมต้องรอพิสูจน์ความจริงใจ ในเมื่อที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาก็ได้แสดงความชัดเจนแล้วว่า จริงใจหรือไม่ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพไม่ได้คาดหวัง แต่อะไรก็ตามที่เป็นการกระทำฝ่ายเดียว ก็ยังคงดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า จะมีการยกระดับมาตรการอะไรอีกหรือไม่ พลเอก ณัฐพล ระบุว่า ตอนนี้ก็ยกระดับแล้ว ซึ่งจะเห็นว่า เมื่อเขาไม่ปฏิบัติตามปฏิญญา เราก็สั่งนะงับ และจะมีการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่อธิปไตยของไทย แต่ขอไม่ลงรายละเอียดในการปฎิบัติการทางทหารว่า มีอะไรบ้าง


เมื่อถามว่า การเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเสี่ยงต่อกำลังพลหรือไม่ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า การเก็บกู้ทุนระเบิดมี 2 ระดับ คือ ระดับในพื้นที่ที่มีขีดความสามารถในการเก็บกู้ได้เอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เป็นพื้นที่ที่เราปฏิบัติการอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับการปฎิบัติเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่เป็นทางการ ที่มีมีมาตรฐานเต็มรูปแบบก็คือ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งในส่วนที่พูดถึงกันอยู่คือ 5 พื้นที่นำร่อง ก็จะเป็น TMAC ไปดำเนินการ โดยปัจจุบันเข้าไปแล้ว 4 พื้นที่ และยังเหลืออีก 1 พื้นที่ ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ

เมื่อถามว่า จะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะล่าสุดก็มีการรื้อรั้วลวดหนาม และเข้ามาวางระเบิดในเขตประเทศไทย พลเอก ณัฐพล ระบุว่า เรามีกฎใช้กำลังอยู่แล้ว หากเขาเข้ามาทำอะไรก็จะมีการยิงเตือนด้วยอาวุธเบา หรืออาวุธหนัก แต่ขอสงวนไม่ชี้แจงในเรื่องนี้ ซึ่งขอมั่นใจว่า เราได้รับความรับผิดชอบจากที่ประชุม สมช. ในเรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ให้ดำเนินการได้ตามสถานการณ์

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พลเอก ณัฐพล เคยระบุว่า หากการเจรจาครั้งนี้ไม่สัมฤทธิ์ผล จะเป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายแล้ว พลเอก ณัฐพล ยืนยันว่า จะไม่มีการเจรจา จากกระทรวงกลาโหม และจากตัวตนเอง โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC แต่การพูดคุยต่างประเทศมีกระบวนการกันอยู่

เมื่อถามว่า มีการทบทวนการถอนอาวุธหนักหรือไม่ พลเอก ณัฐพล ระบุว่า ก็ระงับไว้แล้ว

และเมื่อถามย้ำว่า ต้องนำอาวุธหนักกลับไปประจำการที่เดิมหรือไม่ พลเอก ณัฐพล ระบุว่า อย่าให้ต้องตอบถึงขนาดนั้น และขออนุญาตไม่ตอบ

ส่วนที่พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุว่า หากมีการเสียขาที่ 7 เป็นความชอบธรรมที่ไทยควรจะตอบโต้ นั้น พลเอก ณัฐพล ระบุว่า เป็นความเห็นส่วนตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น