xs
xsm
sm
md
lg

ฝีหนอง“ฮุนเซน”ระเบิด ทุนเทาชิ่งถึงไทย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - ฮุน เซน
เมืองไทย 360 องศา

เวลานี้หากบอกว่า “ฝีหนอง” หรือ “ความเน่าเฟะ” ของ “ระบอบฮุนเซน” ของ นายฮุน เซน ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดและปกครองกัมพูชามานานกว่า 30 ปี กำลังระเบิดและเชื่อว่าความเสียหายจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ และในที่สุดจะลุกลามไปถึงการเมืองที่มีความเสี่ยงทำให้ นายฮุน เซน อาจล่มสลายในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นไปได้สูงทีเดียว

เพราะหากโฟกัสไปที่ระบบเศรษฐกิจของกัมพูชาตอนนี้ เริ่มเห็นร่องรอยความเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะระบบการเงินที่เริ่มส่งผล จากสาเหตุที่ทางการสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ โดยสหรัฐฯได้ยึดทรัพย์สินดิจิทัลของ เฉิน จื้อ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว ขณะเดียวกันทางอังกฤษก็ได้ร่วมมือในการ

โดยกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานบุคคล 146 รายใน Prince Group กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงนายเฉิน จื้อ วัย 38 ปี

“การฉ้อโกงข้ามชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ก่อความเสียหายแก่พลเมืองชาวอเมริกาหลายพันล้านดอลลาร์ เงินเก็บทั้งชีวิตต้องมลายหายไปในพริบตา" สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าแค่ปี 2024 ปีเดียว พลเมืองสหรัฐฯสูญเสียเงินให้พวกสแกมเมอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

เฉิน ถูกกล่าวหาสมคบคิดกับเครือข่ายฉ้อโกงและฟอกเงิน ในคำฟ้องเปิดผนึกที่ยื่นต่อศาลกลางแห่งหนึ่งในบรูคลินเมื่อวันอังคาร(14ต.ค.) สหรัฐฯ ยึดเหรียญบิตคอยน์มูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5 แสนล้านบาท) ที่ว่ากันว่าใช้ในปฏิบัติการฟอกเงิน และทางกระทรวงยุติธรรมอเมริการะบุในถ้อยแถลง เรียกความเคลื่อนไหวนี้ว่ามีการดำเนินคดีเพื่อริบทรัพย์สิน ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เวลานี้ทั้งสหรัฐอเมริกา และอังกฤษยังได้อายัดทรัพย์สิน และถอดถอนบริษัทฮอยอันกรุ๊ปออกจากระบบการเงิน โดยบริษัทดังกล่าว เชื่อมโยงกับ นายฮุนโต ซึ่งเป็นคนในครอบครัว นายฮุนเซน เรียกว่า การยึดและอายัดทรัพย์ทั้งสองบริษัทดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบอบฮุนเซนอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าสหรัฐกำลังเสนอให้มีการ “ขึ้นบัญชีดำ” บุคคลในรัฐบาล ข้าราชการ และนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องในกัมพูชา ซึ่งสื่อภาคภาษาอังกฤษของกัมพูชา ได้อ้างว่ามีรายชื่อนักธุรกิจหลายคน เช่น เนตร สะเวือน ญาติของฮุนเซน, ฮุน โต สมาชิกในครอบครัว ที่เกี่ยวข้องในภาคพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ, ก๊กอาน คนใกล้ชิดของฮุนเซน, Rithy Raksmei, อิง ดารา, ฮอน โสราชนา, โช บุนเอ็ง รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ (NCCT) และ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ 'ล็อบบี้ยิสต์' นักการเงินผู้ทรงอิทธิพลชาวแอฟริกาใต้ ที่ว่ากันว่าทำงานให้กับฮุนเซน และ นักการเมืองคนดังของไทยอีกด้วย

ผลจากการคว่ำบาตรและการอายัดทรัพย์สินดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบมาถึงระบบการเงินในประเทศกัมพูชาบ้างแล้ว เพราะล่าสุดประชาชนเริ่มมีความกังวลเริ่มมีการถอนเงินฝากจากบริษัท “ปริ๊ณ กรุ๊ป” แต่ถอนไม่ได้ และต่อมาในเพจของบริษัทก็ปรากฏข้อความว่า “ระบบล่ม” และต่อมาก็ปลิวไปในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าปรากฏการณ์แบบนี้ย่อมสร้างความกังวลให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่สำหรับธนาคารในกัมพูชาแห่งอื่นด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อหันมาพิจารณาถึงประเทศไทยเวลานี้หากพูดถึงพวก “ทุนเทา” สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ย่อมมองเห็นภาพว่าต้องมี นักการเมือง ข้าราชการไทย และนักธุรกิจไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปเป็นหุ้นส่วน ซึ่งรวมถึง “บ่อนการพนัน” ตามแนวชายแดนกัมพูชา และก่อนหน้านี้เมื่อไม่กี่วันก่อน นายฮุนเซน ได้เปลี่ยนท่าทีใหม่หันมากดดันให้ไทยต้องเปิดด่านภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ พร้อมกับขู่ว่าหากไม่ทำตามจะแฉนักธุรกิจ นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสแกมเมอร์ และธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงธุรกิจสีเทา สีดำ ในกัมพูชา ย่อมต้องนึกถึงคนไทยว่าต้องเกี่ยวข้องแน่นอน และเมื่อสังเกตปฏิกิริยาจากฝ่ายรัฐบาลไทย ที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ดู “นิ่ง” เป็นพิเศษ แม้ว่าก่อนหน้านั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงท่าทีสนับสนุนการยึดอายัดทรัพย์สินของพวกแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา

อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการในการจัดการแก้ปัญหาเรื่อง “สแกมเมอร์” แล้วก็ตามเรียกว่า “ซูเปอร์บอร์ด” มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากรัฐบาลและหน่วยงานทุกอย่างเข้ามาอย่างพร้อมเพียงก็ตาม แต่จากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี กลับมีลักษณะดูแล้ว “ไม่แสดงท่าทีชัดเจน” นัก พยายามเลี่ยงจะพูดถึงตลอดเวลา

วันที่ 16 ตุลาคม ที่กองบิน 6 ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมยอมรับว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปราบแก๊งสแกมเมอร์ด้วย ถือเป็นการพูดคุยในภาพรวมกันอยู่แล้ว

ส่วนที่จะมีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ นาย อี แจ มยอง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะหารือร่วมกันก่อนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (APEC) หลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit)

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เป็นเรื่องของสถานการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว

ส่วนที่มีข่าวว่ามีนักการเมืองบางคนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้การปราบปรามติดขัดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ เรามีการดำเนินการปราบปรามกับสแกมเมอร์อยู่แล้ว ทางฝ่ายตำรวจมีการดำเนินการอยู่ตลอด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมย้ำว่าไม่ได้ทำตามกระแส

แน่นอนว่าเวลานี้เหมือนกับว่า “โลกกำลังล้อม” ฮุนเซน จนแทบไร้ทางออกแล้ว หลังจากเกาหลีใต้ ที่ถือว่าในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเยือนกัมพูชาปีละหลายแสนคน และให้ความช่วยเหลือต่อไปนับหมื่นล้านบาท ล่าสุดมีการสั่งระงับ และห้ามคนในประเทศไปท่องเที่ยวรวมถึงห้ามไปเยือนสถานที่เสี่ยงในกัมพูชาบางแห่งแล้ว และยังมี สหรัฐและ อังกฤษที่ร่วมกันคว่ำบาตรและอายัดทรัพย์สิน มีการถอดบริษัทที่เชื่อมโยงกับเครือญาติของฮุนเซน ออกจากระบบการเงิน ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้กำลังสั่นคลอนชื่อเสียงของกัมพูชาในสายตาชาวโลกอย่างหนักว่าเป็นดินแดน “คนหลอกลวง” ที่อันตราย ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้

ขณะเดียวกันสำหรับไทยแล้วก็มีความเสี่ยงไม่น้อย เพราะรับรู้กันดีว่าที่ผ่านมา มีนักการเมืองและ ข้าราชการไทยจำนวนไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย กับ “ทุนเทา ทุนสีดำ” พวกนี้ และล่าสุดเมื่อ นายฮุนเซน ขู่ที่จะแฉนักการเมืองไทยว่าเกี่ยวข้องในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ หากไทยไม่ยอมเปิดด่าน ทำให้น่าจับตา เพราะเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็อยากรู้ว่า “คนนั้นเป็นใคร” กันแน่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น