“ปานเทพ” ชี้ MOU 2543 ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่แผนที่อื่น เพราะ TOR 2546 ได้ล็อกสเปกแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไว้แล้ว แต่เมื่อกัมพูชาละเมิด MOU 2543 ทั้งยิงอาวุธใส่พลเรือน-วางทุ่นระเบิด ไทยจึงมีความชอบธรรมที่จะยกเลิก เพื่อนำไปสู่กรอบการเจราใหม่ไม่ให้ประเทศไทยเสียเปรียบ
จากกรณีที่บางฝ่ายต้องการให้คงไว้ซึ่ง MOU 2543 ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยอ้างว่า MOU นี้จะนำไปสู่การทำแผนที่ใหม่แทนแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 และทำให้ไทยได้ประโยชน์นั้น วันนี้ (12 ต.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในหัวข้อ “TOR 2546 ล็อกสเปกแผนที่ 1:200,000 ไว้อย่างแน่นหนา” มีรายละเอียดดังนี้
แผนที่ 1 : 200,000 ซึ่งเป็นแผนที่ซึ่งผิดสนธิสัญญา รุกล้ำสันปันน้ำ และขอบหน้าผา จากกรณีกฎหมายปิดปากในคดีประสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกยังไม่เคยลงมติตัดสินสถานภาพของแผนที่และเส้นเเขตแดตามแผนที่ดังกล่าวตามที่ กัมพูชาร้องขอ ตั้งแต่ปี 2505
ความอันตรายของเส้นเขตแดนในแผนที่ดังกล่าว คือ ใช้กฎหมายปิดปาก อยู่เหนือสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส อยู่เหนือสันปันน้ำ อยู่ลึกกินเข้าไปเกินขอบหน้าผา ในการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกให้ประสาทพระวิหารตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาอย่างไม่เป็นธรรม ประเทศไทยจึงไม่ควรยอมรับแผนที่แบบนี้อีก
มักมีคำกล่าวอ้างว่า เรามี MOU 2543 เท่ากับเรามีกรอบการเจราที่ต่างชาติมาแทรกแซงไม่ได้ แล้วมันจริงไหม
1. ไทยถูกกัมพูชารุกล้ำตลอดแนวชายแดนมาตลอด 25 ปี
2. เมื่อไทยใช้กำลังผลักดัน กัมพูชาก็บอกว่าไทยละเมิด MOU 2543 จน MOU 2543 ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องพาไทยไปศาลโลก ไป UN เพราะใน MOU 2543 ระบุว่า ไทยและกัมพูชาต้องสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ให้เป็นไปตามแผนที่ 1 : 200,000 อยู่ด้วย โดยไม่เคยมีระบุแผนที่ 1 : 50,000 ที่ประเทศไทยใช้อยู่ในข้อใดเลยเลย
3. ไม่ตั้งคำถามบ้างหรือว่า ถ้ากรอบการเจรจาปกป้องแผ่นดินไทยได้จริง ไม่ให้องค์กรใดหรือชาติใดเข้ามาแทรกแซงได้ เราจะไปแพ้เพิ่มเติมที่ศาลโลกในปี 2556 ได้ยังไง แล้วทหารไทยต้องถอยเพิ่มเติมด้วย ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมี MOU 2543 แล้ว
4. ไม่ตั้งคำถามบ้างหรือว่ามี MOU 2543 ทำไมกัมพูชาถึงดึงนานาชาติมาได้อยู่ตลอดเวลา และต่างชาติก็เข้ามาแทรกแซงให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิง ทั้งๆ ที่ฝ่ายไทยกำลังได้เปรียบเพราะศักย์การรบสูงกว่า
เพราะกัมพูชานอกจากจะได้ชื่อแผนที่ซึ่งทำไห้ไทยเสียเปรียบและศาลโลกไม่ได้ตัดสินมาปรากฏอยู่ในข้อ 1(ค) ของ MOU 2543 แล้ว กัมพูชายังมี TOR 2546 ด้วย
TOR 2546 ไทย-กัมพูชา ล็อกสเปกเอาไว้เช่นให้ทำแผนที่ใหม่เพื่อการสำรวจและทำหลักเขตแดน แต่ก็ต้องให้เป็นไปตาม “เส้นเขตแดน” ตามข้อ 1 ของ MOU อยู่ดี
ดังนั้น แผนที่มาตราส่วน 1:25,000 คือแผนที่ซึ่งจะทำหลักเขตแดนทางบกที่อยุ่บนพื้นฐานของ “เส้นเขตแดน” ตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 รวมถึงจากช่องบกถึงช่องสะงำความยาว 195 กิโลเมตร ที่คนโบราณไม่เคยต้องทำหลักเขตแดนมาก่อน
ปัญหาคือการทำหลักเขตแดนบริเวณช่องบกถึงช่องสะงำ ซึ่งกัมพูชาย่อมอ้างได้ว่ากัมพูชาเท่ากับว่าประเทศไทยต้อง “ทำหลักเขตแดน” ตาม “เส้นเขตแดน” ที่กำหนดเอาไว้ในแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000
อย่าเถียงเลยว่าใน MOU 2543 เรากำหนดให้ไทยและกัมพูชาสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามมี “หลายอย่าง” คือ ในข้อ 1
(ก) สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904
(ข) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และ
(ค) แผนที่ 1 : 200,000 และเอกสารอื่นๆ ก็จริง
แต่อย่าลืมว่าในคดีประสาทพระวิหาร ไทยได้ถูกศาลโลกตัดสินตัวปราสาทพระวิหารโดยใช้กฎหมายปิดปากในเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นมูลฐานชนะทุกสิ่งมาแล้ว ทั้งสันปันน้ำ หน้าผา สนธิสัญญา ซึ่งกัมพูชาย่อมเห็นประโยชน์ในประเด็นนี้ด้วย เราจะเก็บแผนที่อันตรายให้มาอยู่ใน MOU 2543 ในการสำรวจและจัดทำหลักขตแดนตามนี้ได้อย่างไร
อย่าลืมด้วยว่าแผนที่ 1 : 50,000 ที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน “ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขใน MOU 2543” ด้วย
ข้อสำคัญในข้อ 11 ของ TOR 2546 ได้รัดแน่นอีกชั้นหนึ่งว่า TOR ฉบับนี้จะไม่ลดคุณค่าที่สำคัญของแผนที่ 1:200,000 อีกด้วย (ดังนั้นอย่าเข้าใจผิด ว่าจะมีแผนที่ฉบับใหม่มาฉีกทิ้งความผิดพลาดของแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ได้)
กัมพูชาได้อาศัยจากรณี MOU 2543 รุกล้ำแผ่นดินตามแผนที่ 1 : 200,000 ทันทีในทางปฏิบัติ
นอกจากรุกล้ำจริงแล้ว หากไทยประท้วงด้วยกระดาษก็นิ่งเฉยและไม่สนใจก็จะรุกไปเรื่อยๆ
หากไทยใช้กำลังก็ระบุให้หยุดใช้ MOU 2543 ชั่วคราวเพราะฝ่ายไทยละเมิดร้ายแรงจนใช้ไม่ได้แล้ว ต้องไปใช้ในกลไกของศาลโลก หรือ UN แล้วมาดูเนื้อหาใน MOU 2543 ด้วยกัน
ทุกครั้งที่ไทยประทัวงว่ากัมพูชาผิดเงื่อนไข MOU 2543 กัมพูชาก็จะใช้ประโยชน์แถลงต่อนานานชาติทุกครั้ง ว่า กัมพูชาไม่ได้รุกล้ำแผ่นดินไทย แต่เป็นแผ่นดินของกัมพูชาตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ปรากฏอยู่ในข้อ 1(ค)ใน MOU 2543
ด้วยเหตุผลนี้กัมพูชาจึงมี 2 กลไก คือ รุกล้ำตามแผนที่ 1 : 200,000 ซึ่งปรากฏใน MOU 2543 ในขณะเดียวกันหากปะทะก็พาไทยไปสู่เวทีสากลมาดูในรายละเอียของ MOU 2543 พร้อมๆ กัน
กัมพูชาย้ำว่า ไทยใช้แผนที่ 1 : 50,000 ไม่ได้ เพราะแผนที่ 1 : 50,000 ไม่ได้อยู่ใน MOU 2543 คงมีแต่แผนที่ 1 : 200,000 เท่านั้นที่ต้องสำรวจและทำหลักเขตแดน “ตามเส้นเขตแดนนี้” ดังนั้น กัมพูชาจึงไม่เคยรุกรานไทย ดังตัวอย่างคำแถลงของกัมพูชาอย่าง 6 ครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 1 วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ฮุนเซนแถลงยืนยันแผนที่ 1 : 200,000 ตาม MOU 2543 เป็นฐานกฎหมายหลักสำหรับพื้นที่ช่องบก และเรียกร้องให้ไทยถอนกำลัง หลังจากเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568
ครั้งที่ 2 วันที่ 2 มิถุนายน 2568 ฮุนเซน แถลงเตือนไทยจะเหมือนความขัดแย้งชนวนกาซา กาไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ที่ศาลโลก โดยอ้างว่าผูกพันทั้ง 2 ฝ่าย
ครั้งที่ 3 วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนรัฐของกัมพูชา แถลงหลังการประชุม JBC ครั้งที่ 6 ว่า กัมพูชาปฏิเสธแผนที่ 1 : 50,000 ของไทย และยืนยันใช้เฉพาะแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยื่น 4 ข้อพิพาทไปศาลโลก
ครั้งที่ 4 วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ฮุนเซน ประกาศคำขาดให้ประเทศไทยเปิดด่านชายแดนภายใน 24 ชั่วโมง และยืนยันแผนที่ 1 : 200,000 ตามกรอบการเจรจา MOU 2543 ที่ไทยเคยยอมรับ ในบริบทการสัมภาษณ์ Thai PBS และ Khmer Times เรียกร้องให้คนงานกัมพูชากลับประเทศไทย
ครั้งที่ 5 วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เตีย เซยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงว่า จะไร้ผลหากไทยไม่ใช้แผนที่ 1 : 200,000 ตาม MOU 2543 และกล่าวหาไทยละเมิด MOU กว่า 695 ครั้ง
แต่เมื่อกัมพูชาละเมิด MOU 2543 อย่างร้ายแรง ทั้งการยิงอาวุธใส่พลเรือนผู้บริสุทธิ์ และวางทุ่นระเบิด เป็นที่ประจักษ์ จึงถือเป็นการละเมิดที่ร้ายแรง ประเทศไทยจึงมีความชอบธรรมที่จะยกเลิก MOU 2543 เสียก่อน เพื่อมาสู่กรอบการเจราใหม่ ไม่ให้ประเทศไทยเสียเปรียบแบบนี้
นี่คือ โอกาสที่สำคัญที่ต้องตัดสินใจยกเลิก MOU 2543 ที่มีแต่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาโดยตลอด 25 ปี และคนไทยก็ไม่ควรมาหลอกกันเองเพื่อปกป้อง MOU 2543
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
12 ตุลาคม 2568
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1337669401060090&id=100044511276276