ปธ.กมธ.มั่นคง เสียดายหน่วยงานยังไร้ข้อมูลคอลเซ็นเตอร์ ห่วงชาวบ้านถูกเกณฑ์สแกนม่านตารับเงินดิจิทัล พบเป็นบริษัทของพาร์ทเนอร์ "เบน สมิธ"
วันนี้ (9 ต.ค.68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการประชุมในวาระแนวทางการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงของประเทศว่า หลายหน่วยงานยังต้องติดตามข้อมูลต่อไป เพราะหลายหน่วยงานยังไม่มีข้อมูลในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเรื่องนี้มีคีย์แมนอีกหลายส่วน โดยเฉพาะบริษัทต่าง ๆ ขอไม่เอ่ยชื่อชัด ๆ ในเวลานี้ เบื้องต้นได้มีการให้คำแนะนำกับ กลต.ว่าบุคคลเป้าหมายมีใครบ้างและแนะนำ กลต.ว่าจะต้องทำงานร่วมกับใคร เช่น ตำรวจไซเบอร์ และ ปปง.ต้องมีการสอบหาข้อมูลต่อไป
อย่างไรก็ตามวันนี้มีการซื้อขายข้อมูลชีวภาพโดยการสแกนม่านตา จ่ายเป็นคริปโตเคอร์ซี่ มูลค่า 2,000 บาท มีการเลี่ยงกฎหมายระบุว่าไม่ใช่การซื้อขาย แต่เป็นการให้แลกเปลี่ยนข้อมูลชีวภาพ สามารถเอาไปสร้างตัวตนปลอมในโลกออนไลน์ได้ เป็นแหล่งที่มาสำคัญในการไปทำบัญชีม้าแก๊งสแกมเมอร์ หากคนที่ไม่หวังดีได้ข้อมูลนี้และไปใช้ในลักษณะแบบนั้น
วันนี้มีผู้สแกนม่านตาไปแล้วล้านคน ทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าว กลุ่มคนที่ไปสแกนม่านตามักมีสถานะทางการเงินไม่ค่อยดี เราเป็นกังวลเมื่อไปดูบริษัทพบว่าเริ่มเจอบริษัทที่อาจจะถูกเชื่อมโยงกับนายยิม เลียก เป็นคีย์แมนของบริษัทธนาคาร BIC ซึ่งเป็นพาทร์เนอร์คนสำคัญของนายเบน สมิธ หากเป็นจริงจะไม่ใช่แค่เรื่องการฟอกเงินแล้ว เป็นเรื่องชีวมิติที่จะต้องมีการสอบสวนต่อไป เพราะมีมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว
นายรังสิมันต์ ระบุว่าเรื่องที่ กมธ.ชุดนี้พิจารณา ไม่ใช่เรื่องระดับชาติ แต่เป็นเรื่องระดับโลกเกี่ยวพันกับประเทศต่าง ๆ มีบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทเกี่ยวข้อง บริษัทเหล่านี้มีลักษณะของกระบวนการบางอย่างที่ทำให้การแสวงหาผู้ที่รับประโยชน์จากการฟอกเงินทำได้ยากมาก เรากำลังพูดคุยและแนะนำให้ กลต.คุยกับธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับธนาคารแห่งประเทศไทยและ กลต.เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ปราบปรามบริษัทข้ามชาติกับทุนสีเทา
โดยในวันที่ 30 ต.ค.นี้ ตนเองติดภารกิจ มอบหมายให้นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธาน กมธ.แทน จะมีการพิจารณาเรื่องการตรวจสอบการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศึกษากรณีการทุจริตคอรัปชั่นที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ตนเองเป็นห่วงเรื่องข้อมูลชีวมิติ เพราะว่ามีข้อมูลบ่งชี้หลายอย่างที่เป็นกังวล ล่าสุดมีการเกณฑ์คนที่จังหวัดแห่งหนึ่งจากทั้งหมู่บ้านเพื่อนำมาสแกนม่านตาโดยให้เงิน 500 บาทผ่านเอเจ้นท์ ซึ่งหากทำไปเรื่อย ๆ เราไม่รู้ว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่อันตรายมาก กังวลเรื่องความพร้อมเจ้าหน้าที่รัฐไทยกับกรณีนี้
“ผมไม่ได้บอกว่าห้ามสแกนม่านตา แต่ตั้งคำถามว่าการจัดเก็บ การเอาไปควบคุม การไปใช้จะดำเนินการอย่างไร เพราะม่านตาลึกยิ่งกว่าการสแกนใบหน้า” นายรังสิมันต์ กล่าว