“รังสิมันต์“ จี้นายกฯ แก้ปมส่วยสัญชาติ เหตุเกี่ยวพัน มท. เต็มๆ ต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่ามีส่วนรู้เห็นการทุจริตเหน็บแรงหลักนิติธรรมของรัฐบาลอาจกลายเป็นแค่ลมปาก หากปล่อยเรื่องนี้เงียบ
วันที่ 8 ต.ค.นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และรองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงวาระการประชุม กมธ. ว่า จะมีการติดตามปัญหาส่วยสัญชาติ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาซ้ำซากในหลายพื้นที่ แม้รัฐบาลจะมีการเร่งรัดให้สิทธิแก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับสัญชาติแล้วกว่า 480,000 รายก็ตาม โดยกระบวนการขอสัญชาติยังมีช่องว่างในขั้นตอนราชการ ทำให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ที่ควรได้สิทธิ์อย่างถูกต้อง โดยบางพื้นที่มีการเก็บเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป และพยายามปกปิดร่องรอยให้สาวไม่ถึงตัวการ
“เรื่องนี้มีคนร้องเรียนจำนวนมาก ถ้าไม่มีมูลจริง ชาวบ้านคงไม่พูดกันขนาดนี้” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมย้ำว่ากระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ควรโปร่งใส ไม่กลายเป็นแหล่งหากินของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า การทุจริตเช่นนี้มีแนวโน้มเกี่ยวพันกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย “ผมคิดว่านายอนุทิน ซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เพราะหากนิ่งเฉย ก็อาจถูกมองว่ามีส่วนรู้เห็น หรือยอมให้การทุจริตดำรงอยู่ในระบบราชการของตน”
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตอนนี้เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แน่นอนว่าระดับในระบบราชการยังมีอยู่ แต่จะไกลขนาดไหนก็ต้องตรวจสอบ เรื่องการทุจริตแบบนี้ ถ้าไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ส่งสัญญาณมา ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเพราะฉะนั้นก็ต้องตรวจสอบ แต่เบื้องต้นเราพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่นายมานพที่ได้รับเรื่องร้องเรียน แต่เรายังไม่เห็นความคืบหน้า กมธ.จึงต้องทำเรื่องนี้ ซึ่งจะทำการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เต็มความสามารถ
" เรื่องการทุจริตตอนนี้ มีในส่วนที่อาจจะเกี่ยวพันกับกระทรวงมหาดไทย ผมคิดว่านายอนุทิน ที่เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ ถ้าปล่อยไว้ อาจจะถูกมองว่าไปเกี่ยวข้อง และถูกกล่าวหาได้ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น " นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ที่ต้องพูดแรงแบบนี้เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้และรู้ถึงขนาดที่ว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้วแต่ยังเงียบ คำถามคือคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร ถ้าไม่ดำเนินการจะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติในกระทรวงมหาดไทยใช่หรือไม่ ก็จะกลายเป็นว่าสุดท้าย นโยบายที่อยากจะรักษาหลักนิติธรรม ต้องการที่จะแก้ปัญหาคอรัปชั่นก็ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงลมปากที่พูดยังไงก็ได้ให้สวยให้หล่อ
ทั้งนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ ยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องส่วยสัญชาติ อย่างเต็มที่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับสัญชาติ และสกัดวงจรผลประโยชน์ในระบบราชการให้สิ้นซาก
ด้านนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.มั่นคงฯ กล่าวเสริมว่า ปัญหาส่วยสัญชาติมักอยู่ในขั้นตอนของผู้นำชุมชนระดับล่าง กลุ่มเดิมที่เคยหาผลประโยชน์จากระบบ และได้ประสานให้กรมการปกครองเร่งตรวจสอบทุกจังหวัด พร้อมเสนอให้รัฐบาลตั้ง หน่วยงานเฉพาะกิจด้านสถานะบุคคลเพื่อดูแลปัญหานี้โดยตรง