xs
xsm
sm
md
lg

พท.ผวาเลือดไหลหมดตัว ชิงจัดทัพใหม่สกัด !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

การเมืองเริ่มคึกคัก เพราะการเลือกตั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกราวครึ่งปีข้างหน้า ทุกพรรคต่างขยับกันแล้ว โดยมีการคาดการณ์กันว่า ต่อไปจะเป็นการเมืองแบบ “สามก๊ก” หรือ สามขั้ว อย่างไรก็ดี จะมีสองขั้วหลักที่นำโดย พรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาชน ส่วนที่เหลือจะเป็นลักษณะเป็นพรรคขนาดกลางที่จะกลายเป็น “ตัวแปร” และหนึ่งในนั้นก็คือ พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลัง “รีเซต” กันอีกรอบ

อย่างไรก็ดี ในรอบนี้ขอโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยเป็นหลักก่อน นาทีนี้ถือว่าเป็นพรรคที่ถือว่า “ถดถอย” มากที่สุด และรุนแรงที่สุด หากเทียบกับขนาด และการเติบโตในอดีตมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงสองสามปีมานี้ ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงจุดที่เป็นแบบ “เสื่อมถอย” ลงเรื่อยๆ และมาเร่งความเร็วเอาในช่วงที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร หรือว่า “ในยุคของเจ้าของพรรค” หรือคนในครอบครัวชินวัตร เข้ามารับหน้าที่บริหารโดยตรงเสียด้วย

เพราะนับตั้งแต่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง เมื่อปี 2566 กลายเป็นพรรคอันดับสอง แม้ว่าจะมีการ “ข้ามขั้ว” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลตลอดสองปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน จนถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าทุกอย่างไม่เคยเข้าเป้า และยิ่งในยุคของน.ส.แพทองธาร จัดว่าถึงขั้น “เสียหาย” แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะเสียงเหยียดหยาม เรื่อง “ไร้ความสามารถ” ที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า โดยไม่อาจปฏิเสธได้เลย

เมื่อผู้นำถูกวิจารณ์เย้ยหยันแบบนั้น แน่นอนว่าเรื่อง “ผลงาน” ทั้งส่วนตัว และผลงานตามนโยบายพรรคยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะตลอดสองปี ถือว่า “ทำไม่ได้” สักเรื่องเดียว ไม่ว่านโยบาย “เรือธง” หรือว่า เรือเล็ก ล้มเหลวไม่เป็นท่า จนเป็นคำถามว่า ในการหาเสียงคราวหน้าพรรคเพื่อไทยจะหยิบยกเรื่องใดเป็นนโยบายมาหาเสียง เพราะที่ผ่านมาคำว่า พรรคเพื่อไทย “คิดใหญ่ ทำเป็น” กลายเป็น ราคาคุยคำโตไปแล้ว และทำลายเครดิตในอดีตเสียป่นปี้ และยังลามปามไปถึงความเสียหายของ “เจ้าของตัวจริง” คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่คราวนี้ ทุ่มเทสุดตัว มีลูกสาวบริหาร ก็เหมือนกับมีพ่อมาบริหาร แต่เมื่อลูกล้มเหลว ความหมายก็คือ พ่อก็ย่อมล้มเหลวไปด้วย

เมื่อวกมาที่การรับมือกับสถานการณ์การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สำหรับพรรคเพื่อไทยที่กำลังอยู่ในภาวะถดถอย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพรรคกำลังอยู่ในภาวะ “เลือดไหล” ซึ่งเป็นเรื่องปกติ สำหรับพรรคที่เคยมีขนาดใหญ่ มีส.ส.จำนวนมาก แต่เมื่อทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ยังมองไม่เห็นอนาคตอันใกล้ ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีการ “แยกย้าย” ออกไป

ซึ่งเวลานี้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของบรรดา ส.ส.ที่เป็นพวก “ดาวฤกษ์” มีพลังในตัวเอง รวมไปถึง “บ้านใหญ่” ที่อิงแอบกับพรรคมานาน เริ่มมีการขยับขยายย้ายสังกัด มีการตกลงรับปากกันไปแล้ว รอเพียงแค่การประกาศยุบสภาเท่านั้น จึงสามารถเปิดตัวชัดเจน แต่สำหรับในพื้นที่หรือในทางการเมืองย่อมรับรู้กันไปแล้ว

ที่ชัดเจนเปิดตัวไปแล้วก็คือ “กลุ่มศักดา” นายศักดา วิเชียรศิลป์ อดีตส.ส.กาญจนบุรี ที่นำกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย โดยเขาอ้างว่ามีส.ส.ในกลุ่มที่ย้ายออกมานับสิบคน และเขาก็ได้นั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล อีกด้วย ขณะเดียวกันทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.กาญจนบุรี

นอกเหนือจากนี้ ยังมีกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มของ “เสี่ยแป้งมัน” ใน จ.นครราชสีมา ก็มีข่าวยืนยันแล้วว่า กำลังย้ายออกมาเช่นกัน แม้ว่ายังไม่มีการแถลงออกมา เนื่องจากเชื่อว่าติดเงื่อนไขทางการเมือง เรื่องสถานะของส.ส. อีกทั้งมีรายงานความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในภาคอีสาน โดยเฉพาะในแถบ “อีสานใต้” จำนวนมาก

แน่นอนว่า การย้ายออกหรือ ภาวะ “เลือดไหล” แบบนี้ตามรายงานบอกว่ามีจำนวนหลายสิบคนเลยทีเดียว ทำให้ “เจ้าของพรรค” โดยครอบครัว ชินวัตร ต้องรีบหาทางสกัดกั้นอย่างเต็มกำลัง เริ่มจากการปรากฏตัวของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่น้อยครั้งที่จะส่งสัญญาณกับส.ส. โดยเธอได้เข้าร่วมให้กำลังใจกับ ส.ส.และสมาชิกพรรค เอ่ยคำพูด “สู้ๆ” ในความหมายที่ว่า ครอบครัวชินวัตร ยังสู้เต็มที่

ขณะเดียวกัน การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป ทั้งที่ในทางการเมือง เธอหมดความชอบธรรมไปสิ้นแล้วก็ตาม แต่เพื่อสร้างความมั่นใจกับสมาชิกพรรค ก็ต้องทำหน้าที่เป็นหลักประกันให้เห็น และ ในวันที่ 7 ตุลาคม นี้ เธอจะแสดงวิสัยทัศน์ ความหมายคือ “รับสัญญาณ” มาจากพ่อ คือ นายทักษิณ ชินวัตร ว่า “สู้ต่อ” อย่างน้อยก็เพื่อ “สกัดเลือดไหลออก”เอาไว้ก่อน

มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย ยกเครื่องเพื่อไทย เพื่อบูสพลังใหม่ เดินหน้าต่อ ให้พร้อมทุกการเปลี่ยนแปลง ยกเครื่องเพื่อไทย เพื่อยกเครื่องประเทศไทย สานต่อทุกพลัง เพื่อให้ประเทศไทยต้องเดินหน้าพ้นทุกวิกฤต

เพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นตัวแทนทุกสิทธิทุกเสียงของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ กับการเปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัครเป็น สส.รอบแรก แล้วพบกัน 7 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น.เป็นต้นไป

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว นอกจากจะเปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ในเซตแรกแล้ว ในงานจะมีการกล่าวถึงความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ในการจัดทัพทีมยุทธศาสตร์เพื่อคัดเลือกผู้เสนอตัวในแต่ละโซนอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และมาจากการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ และสำคัญที่สุด จะมีการแสดงวิสัยทัศน์จาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เพื่อแสดงถึงความพร้อม ที่จะ‘ยกเครื่องเพื่อไทย’ เพื่อ ‘ยกเครื่องประเทศไทย’ในอนาคต

“เราทราบดีว่า ที่ผ่านมามีคำวิจารณ์ทั้งบวกและลบ ส่งตรงถึงพรรคเพื่อไทย และคำวิจารณ์เหล่านั้นก็มาจากบุคคลภายนอก และคนในพรรค ซึ่งทีมงานพรรคเราน้อมรับและนำมาถอดบทเรียน ทำการบ้านกันภายใน และนำไปสู่ข้อสรุปบางอย่างเพื่อพัฒนาปรับปรุงพรรคให้ดีขึ้นต่อไป เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยังเป็นตัวแทนและที่พึ่งที่หวังทางการเมืองของพี่น้องประชาชน จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนติดตาม ซึ่งจะมีไลฟ์สดผ่านพรรคเพื่อไทยในวันและเวลาดังกล่าว” นายสรวงศ์ กล่าว

การประกาศ “ยกเครื่อง” พรรคเพื่อไทย และการแสดงวิสัยทัศน์ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “ลูกสาวทักษิณ” ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ในทางการเมืองถือว่าเป็นการประกาศยืนยัน “สู้ต่อ” ของพวก“ชินวัตร” เพื่อรักษาสถานะทาวการเมืองเอาไว้ ไม่ให้ถอยกรูดไปมากกว่านี้ และการประกาศเปิดตัว ส.ส.ในรอบแรก อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ยังให้การสนับสนุนเต็มที่ อีกทางหนึ่งก็เป็นการสกัดกั้นไม่ให้ “เลือดไหล” ออกเพิ่มเติม โดยเฉพาะพวกที่ยังลังเลให้รีบตัดสินใจ

อย่างไรก็ดี ในสภาวะความเป็นจริงแล้ว อาการเสื่อมถอยของพรรคเพื่อไทย ที่กำลังหมดตัวเลือกสำหรับระดับ “การนำ” ที่ นายทักษิณ ไม่ต้องการปล่อยมือให้คนอื่น ยังฝืนเข็ญคนในครอบครัวต่อไปแบบนี้ ในระยะสั้นแค่ประคองสถานะเอาไว้ก่อน ส่วนในระยะยาวค่อยมาว่ากันใหม่แล้วกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น