“จุลพงศ์” โต้กรณีนักกฎหมายมหาชน ร้องยุบพรรคประชาชน-ภูมิใจไทย เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ย้ำ MOA เป็นเพียงสัญญาประชาคมทางการเมือง ไม่ใช่นิติกรรมเอกชน ฟ้องศาลบังคับไม่ได้ เตือน พท.อย่าใช้ประเด็นจริยธรรม หรือล้มล้างการปกครองมาเล่นงานกันเอง
วันที่ 17 ก.ย. นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงถึงกรณี นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ยื่นคำร้องแก้ไขเพื่อให้ตรวจสอบการทำบันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA) ระหว่างพรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทย โดยมอบต่อพรรคเพื่อไทย รวมทั้งยื่นผ่านช่องทางอัยการสูงสุด เพื่อนำไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยุบพรรคทั้งสอง ว่า ตนเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเพ้อเจ้อ และสับสนข้อกฎหมาย
นายจุลพงศ์ อธิบายว่า การทำ MOA ของสองพรรค เป็นเพียงสัญญาประชาคมทางการเมือง คล้ายกับที่พรรคการเมืองเคยทำร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลหลายยุคที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้มีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อความโปร่งใสต่อสาธารณะ ไม่ใช่ นิติกรรมเอกชนที่หากผิดสัญญาจะสามารถฟ้องศาลเพื่อบังคับได้ โดยการยุบสภาเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่สิ่งที่พรรคใดไปฟ้องบังคับหัวหน้าพรรคหรือรัฐบาลให้ทำได้
นายจุลพงศ์ ย้ำว่า หากพรรคประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล พรรคมีสิทธิตามกลไกรัฐธรรมนูญ เช่น การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือลงมติไม่สนับสนุนรัฐบาลในสภา แต่ไม่ใช่การไปยื่นร้องต่อศาลเพื่อยุบพรรคตามข้ออ้างของนักกฎหมายรายดังกล่าว พร้อมเปรียบเทียบว่าประเด็นนี้ ควรถกในห้องเรียนกฎหมาย มากกว่าจะนำมาใช้วิเคราะห์การเมือง เพราะไม่มีประโยชน์ใดต่อประชาชน
สำหรับกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์สื่อถึงประวัติส่วนตัวของนายณัฐวุฒิ นั้น นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ยืนยันว่า นายศุภชัย เป็นคนที่ไม่พูดอะไรหากไม่มีหลักฐาน และตนรู้จักกันมากว่า 30 ปี
ทั้งนี้ นายจุลพงศ์ แสดงความหวังว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้รับเรื่อง จะพิจารณาประเด็นทางกฎหมายอย่างรอบคอบ ไม่ควรนำข้อกล่าวหาเรื่องจริยธรรม หรือล้มล้างการปกครอง มาเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองระหว่างพรรค เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อใคร พร้อมเปรียบเปรยว่า “เหมือนไก่ในเล้าที่จิกกัดกันเอง เจ็บตัวทั้งคู่ แต่คนดูหัวเราะชอบใจ”