มาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยการปรับเงินคดีปั่นหุ้น มักจะถูกดื้อแพ่งจากแก๊งปั่นหุ้น ไม่ยอมชำระค่าปรับ จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องยื่นให้อัยการสั่งฟ้องบังคับชำระค่าปรับ และทุกคดี ก.ล.ต.จะเป็นฝ่ายชนะ
ล่าสุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.แจ้งถึงการยื่นเรื่องต่ออัยการ ขอให้ฟ้องผู้กระทำความผิด 13 รายต่อศาลแพ่ง กรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท แม็กซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX หุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC และหุ้น บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS และ NEWS-W5 เรียกชำระค่าปรับในอัตราสูงสุด
ผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น 3บริษัทและใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือ MAX-W5 รวม 13 คนประกอบด้วย นายยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์ นายเอกวิชญ์ กมลเทพา นางวรณัน เลิศกุลธรรม นายภาณุรักษ์ แสงอร่าม นางสาวกรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ นายกรวิช อัศวกุล นางสาวกัญจนารัศม์ วงศ์พันธุ์
นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล นางอรพิน พิพัฒน์วิไลกุล นายพิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล นายสงกรานต์ ตันศิริ นายภควันต์ วงษ์โอภาสี และนางมะลิวัลย์ วงศ์ชินศรี
คดีนี้ ก.ล.ต.ประกาศกล่าวโทษ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 โดยพฤติกรรมความผิดเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2559 และสั่งปรับผู้ร่วมขบวนการปั่นทั้ง 13 คน รวมเป็นเงินจำนวน 155.09 ล้านบาท
แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยินยอมจ่าย ก.ล.ต.จึงยื่นอัยการฟ้องแพ่ง เรียกชำระค่าปรับในอัตราสูงสุดจำนวนรวม 202.02 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย และนำส่งคดีต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพราะเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
หุ้น MAX ซึ่งถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2566 หุ้น EIC ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2563 และหุ้น NEWS โดยหุ้นทั้ง 3 บริษัท เกิดพฤติกรรมปั่นราคากันหลายครั้ง จนถูก ก.ล.ต.ลงโทษปรับ รวมทั้งกล่าวโทษมาแล้ว
แต่คดีที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษทางอาญา ถูกตัดตอน ไม่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในขั้นศาล เนื่องจากอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษบางคนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ทำให้แก๊งปั่นหุ้นหลุดรอดลอยนวล
คดีปั่นหุ้น ซึ่งผ้ร่วมขบวนการปั่น ไม่ยินยอมชำระค่าปรับ ก.ล.ต.ยื่นให้อัยการ ส่งฟ้องศาล เพื่อบังคับให้ชำระค่าปรับอัตราสูงสุดหลายคดีแล้ว และศาลตัดสินให้แก๊งปั่นหุ้นชำระค่าปรับในอัตราสูงสุดตามที่ ก.ล.ต.ยื่นฟ้อง
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ แม้มีคำพิพากษาของศาล แต่แก๊งปั่นหุ้นก็ยังไม่ยอมจ่ายอยู่ดี
คดีปั่นหุ้น MAX - EIC และ NEWS สุดท้ายอาจลงเอยในรูปแบบเดียวกัน โดย ก.ล.ต.ไม่ได้รับชำระค่าปรับ เพื่อนำส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง
ผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น ส่วนใหญ่มักเป็นนอมินีหรือตัวแทน โดยมีตัวการใหญ่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง กำไรที่ได้จากการปั่นราคาหุ้น จะถูกถ่ายโอนไปให้ตัวการใหญ่ ซึ่งเมื่อถูก ก.ล.ต.จับได้ และลงโทษทางแพ่ง โดยสั่งปรับ ตัวการใหญ่จะไม่ยอมควักเงินจ่ายค่าปรับแทนลูกสมุน
เพราะเมื่อเป็นคดีทางแพ่ง ไม่มีโทษติดคุกติดตาราง อย่างมากก็ถูกศาลสั่งล้มละลาย แก๊งปั่นหุ้นจึงไม่เกรงกลัว
อย่างไรก็ตาม คดีปั่นหุ้น อยู่ในมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ซึ่ง ก.ล.ต.ส่งต่อคดีให้ ปปง.ไปแล้ว และถ้า ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างจริงจัง อาจสาวถึงความผิดการฟอกเงินได้ รวมทั้งสามารถตามแกละลอยถึงตัวการใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลังการบงการปั่นหุ้น MAX - EIC และ NEWS ได้
13 ผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้นทั้ง 3 ตัว อาจเป็นนักปั่นหุ้นระดับปลาซิวปลาสร้อยหรือเป็นเพียงนอมินีเท่านั้น และ ก.ล.ต.ไม่สามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้
แต่ ปปง.มีอำนาจในการติดตามเส้นทางการเงินขบวนการปั่นหุ้นแก๊งนี้
และอาจพลิกคดีปั่นหุ้น จากคดีแพ่งให้กลับมาเป็นคดีอาญา พร้อมนำตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังมาลงโทษได้
นักลงทุนที่เสียหาย จากการปั่นหุ้น MAX - EIC และ NEWS กำลังรอการเยียวยาจาก ปปง. รอการสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินของขบวนการปั่นหุ้นแก๊งนี้
ไม่ได้ค่าปรับจากแก๊งปั่นหุ้น MAX - EIC และ NEWS ไม่เป็นไร แต่ถ้า ปปง.เล่นงานความผิดฐานฟอกเงิน จับแก๊งปั่นหุ้นเข้าคุกได้นักลงทุนผู้สูญเสียคงพอใจแล้ว