ครบ 1 เดือน นโยบาย "สิงห์อ้วน" ขีดเส้น 3 เดือน Re X-ray ยาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน "มท.-สถ." เร่งจังหวัด ตั้งศูนย์คัดกรองและศูนย์ฟื้นฟูทางสังคม (ยาเสพติด) ระดับจังหวัด ใช้งบ"กรมการปกครอง" บริหาร/ซ่อมแซมสถานที่ ทดแทนก่อสร้างใหม่ เผยระดับ อปท. "เทศบาล-อบต." สบช่อง มีงบฯ อุดหนุน ปีละ 2.4 พันล้าน บริหารจัดการ"ศูนย์คัดกรอง/ศูนย์ฟื้นฟู"
วันนี้ (26 ส.ค.2568) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้า หลังครบ 1 เดือน ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คนใหม่ ที่ประกาศขีดเส้น 3 เดือน เมื่อต้น ก.ค. 2568 เพื่อปฏิบัติการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และผู้ค้ายาเสพติด (Re X-ray) ในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน
โดยในเป้าหมาย ให้นําผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบําบัดรักษา อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ตามแผนปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealer” ผนึกกําลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด
หลังจากมีข้อสั่งการ ให้จังหวัด เร่งจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมและมีความพร้อมสําหรับดําเนินการ จัดตั้ง "ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม" บําบัดรักษาและฟื้นฟู ผู้ติดยาเสพติดของจังหวัด รูปแบบ Residential care (การบําบัดรักษาระยะยาว) อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง
"เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) เร่งดําเนินการจัดตั้งให้แล้วเสร็จ โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดตั้ง"
ล่าสุด พบว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เวียนหนังสือถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ชี้แจงทําความเข้าใจกับ เทศบาลและ อบต.ในพื้นที่ได้ ที่ได้รับทราบ
โดยเฉพาะประเด็น งบประมาณ ที่คณะกรรมการการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) เห็นชอบการจัดตั้งเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. รายการเงินอุดหนุนสําหรับสนับสนุนศูนย์คัดกรองและศูนย์ฟื้นฟูทางสังคม (ยาเสพติด)
จํานวน 2,125 แห่ง (เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตําบล และองค์การบริหารส่วนตําบล) วงเงิน 2,477,527,689 บาท ซึ่งเป็นรายการใหม่ ตั้งแต่ปีงบ 2567และปีงบประมาณต่อไป
เพื่อให้ อปท. สามารถดําเนินงานคัดกรองผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ให้เข้ารับการบําบัดรักษา ตลอดจนดําเนินงานฟื้นฟูสภาพทางสังคม ด้านอาชีพ การศึกษา การติดตามปัญหาสุขภาพ และการสงเคราะห์อื่น ๆ แก่ผู้ผ่านการบําบัดรักษาให้กลับมาดํารงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข
รวมถึงการเตรียมความพร้อมจัดทําคําขอตั้งงบประมาณรายจ่าย รายการเงินอุดหนุน รายการ เงินอุดหนุนสําหรับสนับสนุนศูนย์คัดกรองและศูนย์ฟื้นฟูทางสังคม (ยาเสพติด) ของ เทศบาล และ อบต. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสอดคล้องกับมติ ก.ก.ถ.
เมื่อปลายเดือน ก.ค. กระทรวงมหาดไทย เพิ่งเวียนหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ฐานะผอ.ศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด ทุกแห่ง ให้ ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ฯลฯ ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน
โดย ให้จัดทําคําขอรับการสนับสนุนงบประมาณและประมาณการค่าใช้จ่าย จากกรมการปกครอง
"ให้รายงานการปรับปรุงสถานที่ ต่อเติม ซ่อมแซมสถานที่ดังกล่าว อาทิ อาคาร ห้องพัก เตียงนอน ห้องสุขา ฯลฯ เป็นลําดับแรกก่อน"
สําหรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ อาทิ รั้ว กําแพง สถานที่ออกกําลังกาย ฯลฯ ให้ดําเนินการพัฒนาปรับปรุงในภายหลัง
สําหรับจังหวัดที่มีสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง ให้ขยายพื้นที่และเพิ่มจํานวนเตียง ให้เพียงพอเพื่อรองรับผู้ติดยาเสพติดที่ถูกส่งตัวเข้ารับการบําบัดรักษาฯ
กรณีสถานที่ดังกล่าวข้างต้น ยังไม่ได้รับการจัดตั้งเป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ประเภทสถานฟื้นฟูสมรรถภาพภาครัฐ ให้ยื่นคําขอจัดตั้งเป็น “สถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมืองจังหวัด" ต่อสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการบําบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด สธ.
จากนั้น ให้ดําเนินการแต่งตั้งผู้อํานวยการสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่ปรึกษา ผู้ดําเนินการ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวน 30 คน เข้ารับการอบรม หลักสูตรของบุคลากรสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ของ สธ.
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รัฐบาลสมัยนั้น ได้อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จัดตั้ง "ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมในจังหวัด" ตามโครงการช่วยเหลือผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2566
ได้รับการจัดสรร วงเงิน 826.68 ล้านบาท ให้กับกรมการปกครอง ดำเนินการใช้เวลาอบรมเป็นเวลา 1 ปี (ตั้งแต่ ต.ค. 2565-ก.ย.2566)
"ปค.สมัยนั้น มีนโยบาย X-ray ผู้เกี่ยวข้องในตำบล หมู่บ้านทั่วประเทศ ได้เป้าหมาย 119,195 คน และดำเนินการคัดกรองโดยยึดหลัก ผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา และป้องกันไม่ให้กลุ่มเสี่ยงเข้าไปเป็นเหยื่อยาเสพติด"
โดยงบประมาณ 826.68 ล้านล้าน ประกอบด้วย ค่าอาหารสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม 516 ล้านบาท, ค่าสมนาคุณวิทยากร 104 ล้านบาท, ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม 75 ล้านบาท,
ค่าพาหนะสำหรับวิทยากร 69.60 ล้านบาท, ค่าบำรุงสถานที่ 27 ล้านบาท, ค่าพาหนะผู้เข้าร่วมอบรม 20 ล้านบาท, ค่าวัสดุอุปกรณ์ 5 ล้านบาท
ค่าถ่ายเอกสาร 4.5 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิด-ปิด 3 ล้านบาท ค่าประกาศนียบัตร 1.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการติดตามผลการดำเนินงาน 6.8 แสนบาท.