xs
xsm
sm
md
lg

“ระบอบทักษิณ”คืนชีพ ยกขบวนมาครบทีม !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภูมิธรรม เวชยชัย - พันศักดิ์ วิญญรัตน์
เมืองไทย 360 องศา

การแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานโยบายรัฐบาล นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่า “ระบอบทักษิณ” ได้คืนชีพอย่างสมบูรณ์แล้ว เหมือนกับเครือข่ายสุดท้ายมาเชื่อมต่อกัน โดยลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 317/2567 ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า

เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑(๖) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อทําหน้าที่ในการให้คําปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

มีรายชื่อดังนี้ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารที่ได้รับมอบหมาย เลขานุการคณะที่ปรึกษา

สำหรับ หน้าที่และอำนาจ วิเคราะห์และศึกษาโอกาสในการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งให้คําปรึกษา และเสนอแนะแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานด้านนโยบายของรัฐบาล แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางาน เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ส่งเอกสาร ให้ข้อมูล หรือดําเนินการอื่นที่จําเป็น เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการของคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และ ปฏิบัติงานอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นชื่อ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ก็ย่อมนึกเห็นภาพ “กุนซือหูกระต่าย” ลอยมาทันที ขณะเดียวกันก็มองเห็น “ระบอบทักษิณ” ได้กลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะถือว่านี่คือ “จิ๊กซอร์” ตัวสุดท้าย ที่มาเชื่อมเป็นวงรอบติดกันพอดี เพราะในทีมที่ปรึกษาดังกล่าว แต่ละคนนอกเหนือจากนั้น ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่ในรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นในยุคที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และในยุคของพรรคไทยรักไทย หลายคนเคยเป็นรัฐมนตรีในหลายรัฐบาลที่เรียกรวมกันว่าเป็น “ระบอบทักษิณ” มาแล้วทั้งนั้น

หากใครที่เคยติดตามการเมืองมานาน ย่อมรับรู้ถึงบทบาทของพวกเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุครัฐบาล นายทักษิณ จนกระทั่งบางคนเคยถูกดำเนินคดีฐานประพฤติมิชอบ ขณะที่นายพันศักดิ์ ถือว่ารับหน้าที่ “กุนซือ” รับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ต่อเนื่อง และหลายรัฐบาลในเครือข่าย นั่นคือ รับใช้ตั้งแต่ “พ่อยันลูก”

ก่อนหน้านี้ ก็เริ่มมองเห็นแล้วว่าตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าระบอบทักษิณ ได้กลับมาอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งเข้าใจว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง เพราะไม่ว่ารูปแบบการบริหารสั่งการ การจัดตั้งรัฐบาล ล้วนถูกมองว่าล้วนมาจาก นายทักษิณ ทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมถึงได้ถูกร้องเรียนยาวเป็นหางว่าวในเวลานี้

เพราะเมื่อพิจารณาจากองคาพยพของรัฐบาล ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมา รัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษา ล้วนแล้วแต่เป็นคนคุ้นเคย โดยเฉพาะตำแหน่งหลักๆ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนมือเลย อาจจะมีบ้างที่เป็นตำแหน่งเล็กๆไม่มีผลทางด้านนโยบายและการสั่งการ

ที่สำคัญที่ผ่านมา และกำลังจะเกิดขึ้นก็คือ จะเห็นบทบาทของคนในครอบครัว “ชินวัตร” เข้ามาในวงจรอำนาจมากขึ้นเรื่อง ทั้งเรื่องตำแหน่งลูกหลาน เพื่อน ญาติมิตร ต่างทยอยออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ล่าสุดก็มีรายงานข่าวว่า “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพชร์ ภรรยาของนายทักษิณ แม่ของน.ส.แพทองธาร เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี เข้าไปตรวจตราในทำเนียบรัฐบาล จนมีเสียงกล่าวว่าเข้าไปดูเรื่อง “ฮวงจุ้ย” แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับทำให้เห็นถึงแนวโน้มการกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ทั้งหน้าฉาก และหลังฉาก

หลังจากนี้ก็ต้องจับตาในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และการแทรกแซงองค์กรอิสระ ซึ่งก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคพลังประชาชน มาถึงพรรคเพื่อไทย จะมีการแต่งตั้งเครือญาติทั้ง “น้องเมีย” พี่เขย ลูกพี่ลูกน้อง เพื่อนร่วมรุ่น เป็นต้น เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย ทั้งในกองทัพ และตำรวจ รวมไปถึงหน่วยงานด้านกฎหมายและอำนาจด้านการจับกุม ตรวจค้น เช่น ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือแม้แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในยุคหนึ่งก็เคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของพวกเขามาแล้ว

แม้ว่าหากพิจารณากันตามความเป็นจริงการแต่งตั้งเครือข่ายของตัวเองเข้ามาแบบนี้มักจะมีทุกรัฐบาล แต่สำหรับใน “ระบอบทักษิณ” ถือว่าโจ่งแจ้งชัดเจน

ล่าสุดที่ต้องจับตากันก็คือการ “ล้วงโผ” ทหาร เพราะล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโผโยกย้ายบางตำแหน่ง ทั้งสองกองทัพ โดยระบุว่า “โผยังไม่นิ่ง”

“มันยังไม่จบ ก็เข้ามาสานต่อ แต่ในฐานะที่ไม่ได้ดูมาก่อนก็ต้องใช้เวลาในการดู ซึ่งจะพยายามดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบและเข้าใจ ทั้งนี้ยอมรับระหว่างดำเนินการ จะมี 2 เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโผทหาร หรือโผพลเรือน ก็จะมีข่าวหลุด ข่าวรั่ว ข่าวปล่อย หรือการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ รวมถึงบัตรสนเท่ห์ ซึ่งเราก็รับฟังรับรู้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้คิด ส่วนจะจริงหรือไม่จริง เรามีหน้าที่ต้องไปตรวจสอบ ก็พยายามจะทำให้เร็วที่สุด แต่พอมีจุดเปลี่ยนผ่านก็ต้องใช้เวลา แต่ถึงที่สุดแล้วทุกหน่วยงานก็จบด้วยหลักการ เหตุผล และความเหมาะสม ที่จะพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนเรื่องร้องเรียนคุณธรรมจริยธรรม ที่มีบัตรสนเท่ห์ออกมา นายภูมิธรรมบอกว่า พูดในภาพรวม เพราะในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มันก็จะมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น บางแห่งก็มีมากมีน้อย แตกต่างกันไป ไม่อยากให้เอาสิ่งเหล่านี้ไปเชื่อหรือเป็นข่าวมาก เพราะมันจะทำให้เกิดความร้าวฉาน ความไม่สบายใจ หรือไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องยืนอยู่บนข้อเท็จจริง”

ทำให้ต้องจับตาว่าจะมีการ “ล้วงโผ” เกิดขึ้นซ้ำรอยหรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญในเหล่าทัพ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่มีส่วนทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องพ้นจากอำนาจไปช่วงระยะหนึ่ง แต่จากความเคลื่อนไหวล่าสุดทั้งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ ทำให้มองเห็นแนวโน้มเห็นว่า “ระบอบทักษิณ” กำลังฟื้นคืนชีพมาอย่างเต็มที่แล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น