MGR Online - "พงศ์เทพ" ประธานคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมหุ้น STARK หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางป้องกันความเสียหาย กรอบระยะ 3 เดือน
วันนี้ (17 ก.ค.) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 10-01 อาคารกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ร่วมประชุมคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมหุ้น STARK
ต่อมา เวลา 12.30 น. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมหุ้น STARK พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ จิตพิมลมาศ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย 2 ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และ ตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ ร่วมแถลงข่าว
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นครั้งแรก หลัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวเพื่อศึกษากรณีหุ้น STARK เพื่อเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งอาจไม่ถึง 100% แต่เมื่อเกิดขึ้นความเสียหายต้องน้อยที่สุด และทำอย่างไรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบตั้งแต่เนิ่นๆ ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยมีกรอบระยะเวลา 3 เดือน
นายพงศ์เทพ กล่าวอีกว่า การกระทำผิดส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นหน้าที่ ก.ล.ต. จะรับผิดชอบเรื่องการคัดกรองผู้บริหารในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง ทราบว่ามีการพัฒนาระบบต่างๆ เช่น การเข้าตลาดทางประตูหลัง (Backdoor Listing) ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่จะให้รัดกุมมากขึ้น
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการเยียวยาผู้เสียหายที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์พบว่ายังมีช่องว่างอีกเยอะ ที่ไม่ได้รับการดูแล เนื่องจากกฎหมายยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งอาจมีการแก้ไขกฎหมายตามข้อเสนอแนะ เราจะศึกษาบทบัญญัติในต่างประเทศว่าจะคุ้มครองผู้เสียหายได้อย่างไร เช่น ผู้ซื้อหุ้นสามัญหรือซื้อหุ้นกันเอง ปัจจุบันต้องไปดำเนินคดีศาลแพ่งเอง และหน่วยงานของรัฐไม่สามารถดำเนินการตรงนี้ได้ แต่ในต่างประเทศจะเปิดให้หน่วยงานรัฐ ดูแลผู้เสียหายกลุ่มนี้ได้
"อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ , ก.ล.ต. และ ปปง. จะบูรณาการร่วมกันให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะการทุจริตเช่นนี้จะต้องทำงานให้รวดเร็ว ยกตัวอย่างคดีหุ้น STARK เมื่อดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ ก็สามารถทำคดีได้อย่างรวดเร็วมาก ส่วนการติดตามทรัพย์สินหุ้น STARK ที่อาจมีการโยกย้ายไปต่างประเทศนั้น ปปง. อยู่ระหว่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง"
ด้าน พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ เปิดเผยว่า ในส่วน ก.ล.ต. มีการตรวจสอบทุกกรณีความผิดที่มีการแจ้งเบาะแสเข้ามา แต่บางกรณีอาจมีการตรวจสอบยาก เพราะมีการกระทำผิดอย่างแนบเนียน แต่เรามีกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อายัดเงินที่อาจทุจริตเพื่อป้องกันการโอนย้ายถ่ายเททรัพย์สินบังคับใช้อยู่ ไม่ต้องรอให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งการคืนเงินผู้เสียหายนั้นต้องรอคำพิพากษาจากศาล และเป็นคนละส่วนกับ ปปง. ในคดีฟอกเงิน
"ส่วนอนาคตจะมีการตรวจสอบลักษณะคุณสมบัติบริษัทที่มีความเสี่ยงจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไรนั้นจะนำไปพิจารณาปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้มีความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น"
ส่วนทาง พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ที่ผ่านมา ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์โดยตรงได้ และ ดีเอสไอ ต้องรอ ก.ล.ต. รวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นก่อนแล้วส่งมาให้เราดำเนินการขั้นต่อไป โดยวันนี้ ดีเอสไอรับข้อเสนอแนะนำปรับปรุงกฎหมายของหน่วยงานเพื่อพัฒนาระบบให้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอ ก.ล.ต. ซึ่งอาจจะช้าไป
นอกจากนี้ ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวสั้นๆ ว่า อยากให้คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายทุกกรณี และมีแนวทางการเยียวยาอย่างไรบ้าง ซึ่งการตั้งคณะทำงานเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะอนาคตเกรงว่าอาจมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกจะได้ป้องกันความเสียหายได้รวดเร็ว