ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เทียบฟอร์ม 3 ผู้มีบารมีนอกพรรค “แม้ว” แชมป์ “เนวิน-ธนาธร” ตามมาติดๆ
ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ผู้มีอำนาจบารมีสูงสุดของพรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค หรือไม่ได้เป็นแม้กระทั่งสมาชิกพรรคด้วยซ้ำ
ก็อย่างที่รู้ๆ กัน 3 พรรคการเมืองที่มีเสียง ส.ส.มากที่สุด 3 อันดับแรกในสภา ต่างก็มีผู้มีอำนาจบารมีต่อพรรคที่ไม่ใช่หัวหน้าพรรค และไม่ได้เป็นแม้กระทั่งสมาชิกพรรค
เริ่มจากพรรคที่มี ส.ส.มากอันดับหนึ่ง อย่างพรรคก้าวไกล เป็นที่รู้กันว่า ผู้มีบารมีเหนือตัวจริงก็คือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เคยเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้พรรค ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบัน หมดสิทธินั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคโดยนิตินัย เพราะอยู่ระหว่างถูกลงโทษตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี จากคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ที่มีคำตัดสินออกมาเมื่อปี 2563 แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ในทางพฤตินัย ธนาธรยังคงมีอิทธิพลต่อพรรคก้าวไกล ที่รับโอน ส.ส.มาจากพรรคอนาคตใหม่ อยู่ตามเดิม
ส่วนพรรคเพื่อไทย พรรคที่มี ส.ส.มากเป็นอันดับสอง ผู้มีบารมีนอกพรรคยังคงเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของพรรคตัวจริงที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ยังใช้ชื่อพรรคไทยรักไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2541 แม้จะถูกรัฐประหารและตัดสินใจหนีไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนพรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบและกลายร่างเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในเวลาต่อมา พรรคการเมืองพรรคนี้ก็ยังมีเจ้าของตัวจริงชื่อ ทักษิณ ชินวัตร มาตลอด
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย พรรคที่มี ส.ส.มากเป็นอันดับ 3 ในขณะนี้ ผู้มีบารมีนอกพรรคก็หนีไม่พ้น “เนวิน ชิดชอบ” คู่ซี้ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคโดยนิตินัย ที่ร่วมงานการเมืองกันมายาวนานตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย และแยกตัวออกมาตั้งพรรคภูมิใจไทยเมื่อปี 2552 แต่ภายหลัง “เนวิน” ได้ประกาศวางมือทางการเมืองในปี 2555 เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับทุีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด “เนวิน” ก็เปลี่ยนไปอยู่เบื้องหลัง และส่งคนใกล้ชิดลงเล่นการเมืองแทน
“ธนาธร-ทักษิณ-เนวิน” ต่างก็เป็นผู้มีบารมีนอกพรรคการเมืองทั้งสามคน แต่ว่า ดีกรีบารมีนอกพรรคของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหนนั้น มีผลสำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “ผู้มีบารมีนอกพรรค” ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23-25 ก.ค.67 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงบารมีทางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร ต่อพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 67.40 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ มาก รองลงมา ร้อยละ 21.76 ระบุว่า ค่อนข้างมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ ร้อยละ 5.88 ระบุว่า ไม่มีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ เลย ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ไม่ค่อยมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ
ด้านบารมีทางการเมืองของ เนวิน ชิดชอบ ต่อพรรคภูมิใจไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.81 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรคฯ มาก รองลงมา ร้อยละ 34.35 ระบุว่า ค่อนข้างมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ ร้อยละ 11.37 ระบุว่า ไม่ค่อยมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ ร้อยละ 6.26 ระบุว่า ไม่มีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ เลย และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ
เมื่อถามถึงบารมีทางการเมืองของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่อพรรคก้าวไกล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.99 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ มาก รองลงมา ร้อยละ 36.11 ระบุว่า ค่อนข้างมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ ร้อยละ 14.81 ระบุว่า ไม่ค่อยมีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ ร้อยละ 6.72 ระบุว่า ไม่มีบารมีทางการเมืองต่อพรรค ฯ เลย และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ
ก็เป็นอันว่า หากวัดจากการรับรู้ของชาวบ้านทั่วไป ก็จะพบว่า บารมีนอกพรรคการเมืองของ “ทักษิณ” ต่อพรรคเพื่อไทยนั้น มีมากที่สุด ตามด้วยบารมีของ “เนวิน” ที่มีต่อพรรคภูมิใจไทย และบารมีของ “ธนาธร” ที่มีต่อพรรคก้าวไกล
ซึ่งถ้าจะว่าไป พ.ร.ป.พรรคการเมือง มีข้อห้ามไม่ให้พรรคการเมือง “ยินยอม” ให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำพรรค ตามมาตรา 28 ถ้าฝ่าฝืน พรรคการเมืองนั้นต้องถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี
ส่วนผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองและเข้ามาครอบงำพรรค ก็มีความผิดตามมาตรา 29 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง มีโทษถึงจำคุกเป็นเวลาห้าปีถึงสิบปี ปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งผู้นั้นด้วย
แต่ทุกวันนี้ ทั้ง 3 พรรคการเมือง ก็ไม่ได้สะทกสะท้านต่อบทกำหนดโทษในกฎหมาย
ผู้มากบารมีทั้งสาม ก็ยิ่งแผ่บารมีเหนือพรรคการเมืองของตัวเองได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร
นี่แหละประชาธิปไตยแบบไทยๆ.
++ “ก้าวไกล” ปล่อยคลิปประกาศดินหน้าต่อ ระดมติ่งส้มใส่เสื้อสัญลักษณ์ ก.ก.รวมพลัง ฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรค 7 ส.ค.
ได้เวลานับถอยหลัง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จากข้อหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งดูเหมือนว่าบรรดาแกนนำพรรคจะรู้ชะตากรรม ว่าถึงที่สุดแล้วผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร
ล่าสุด “เพจพรรคก้าวไกล” ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ ความยาวประมาณ 8 นาที ในหัวข้อ “จากอนาคตใหม่ สู่ก้าวไกล สู่อนาคต” ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคล้ายการสัมภาษณ์ สส.ระดับแกนนำพรรค คือ “ศิริกัญญา ตันสกุล”รองหัวหน้าพรรค “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” รองเลขาธิการพรรค และ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” โฆษกพรรค ว่า วันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเกิดอะไรขึ้น และพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เป็นการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ ให้กับสมาชิกพรรคและบรรดา“ติ่งส้ม” ขณะเดียวกันก็เป็นการบอกว่า พรรคก้าวไกล กำลังถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงาน
คำบรรยายในคลิป ระบุ ตอนหนึ่งว่า “คดียุบพรรค” ที่พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ต่างกับสิ่งที่ พรรคอนาคตใหม่ เคยเผชิญมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
การยุบพรรคอาจจะยุบได้แค่องค์กรนิติบุคคล แต่ไม่สามารถหยุดอุดมการณ์ของพรรคและสมาชิกได้ เราจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าวันที่ 7 สิงหาคม นี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“ศิริกัญญา ตันสกุล” ระบุในช่วงหนึ่ง โดยเชื่อว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจ หรือรู้สึกหมดหวังได้ เพราะพรรคก้าวไกล ได้กลายเป็นสถาบันการเมืองไปแล้ว ไม่ว่าคนจะเปลี่ยนไปกี่รุ่น หัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปกี่คน แต่ความเป็นอนาคตใหม่ และความเป็นก้าวไกล จะยังคงอยู่ ไม่ว่ายานพาหนะต่อไปจะชื่อว่าอะไรก็ตาม
ขณะที่ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” บอกว่า พรรคก้าวไกล ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบไปนั้น ไม่ได้เป็นเพราะไปแตะต้องสถาบันฯ แต่เป็นเพราะไปชนกับกลุ่มการเมืองเก่า ซึ่งหลังการเลือกตั้ง 2566 ที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มีการรวมขั้วกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อต่อต้านพรรคก้าวไกลฯ และลากพรรคก้าวไกล ไปสู่เรื่องของสถาบันฯ ทั้งที่พรรคก้าวไกล ไม่ได้ต้องการล้มล้าง หรือ เซาะกร่อน บ่อนทำลายใคร เพียงแต่ต้องการทำโครงสร้างทางการเมือง ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน
หากเปรียบการยุบพรรค หรือจับคนไปขัง จะขังได้แต่ตัว ไม่สามารถขังความคิดได้ โหวตเตอร์พรรค รวมถึงทีมงาน สส.ที่ทำงาน ทุกกคนไปต่อแน่นอน ไม่มีวันทำลายล้างได้ หากวัดตัวเลข ตอนเลือกตั้งสมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราได้สส.มา 88 คน มาเป็น พรรคก้าวไกล เราได้ 151 คน...การยุบพรรคไม่ได้ทำให้คะแนนเสียงหายไปไหนเลย
ส่วน “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า การยุบพรรค จะยิ่งทำให้ประชาชน เห็นถึงความผิดปกติในทางการเมือง และจะมาร่วมผลักดันวาระของพรรคก้าวไกลมากขึ้น ซึ่งพรรคก้าวไกล พร้อมจะเปิดพื้นที่ให้คนที่ไม่ได้ร่วมเดินทางมาตั้งแต่ต้น แต่วันนี้เห็นภารกิจร่วมกัน ในสิ่งที่จำเป็นต่อการสร้างอนาคตร่วมกัน
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล เชิญยังเชิญชวนประชาชน และแฟนคลับพรรคก้าวไกล สวมใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล มาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยพร้อมกัน ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยทางพรรคจะมีกิจกรรมต่อเนื่อง ไปจนถึงเวลา 21.00 น.
หากใครยังไม่มีเสื้อที่มีสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล ทางพรรคก็มีเสื้อคอลเลกชันใหม่ล่าสุด Limited Edition ออกแบบมาเพื่อวันรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐรรมนูญโดยเฉพาะไว้รองรับ โดยจัดจำหน่ายที่ที่ทำการพรรคเท่านั้น
การที่แกนนำพรรคก้าวไกลมองว่า ยิ่งถูกยุบ จะทำให้พรรคยิ่งโตนั้น ต้องติดตามกันว่าจะเป็นจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากมองบริบทการเมืองหลังจากนี้ โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลนั้นยากมาก ไม่ต่างจากเข็นครกขึ้นภูเขา เว้นเสียแต่ว่าจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย มีสส.เกินครึ่งของสภา
เพราะจากปรากฏการณ์ที่เขาใหญ่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นชัดว่าพรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทย ผนึกกำลังกันเหนียวแน่น เพื่อตั้งด่านสกัดก้าวไกลโดยเฉพาะ