“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567 ตอน ‘ทักษิณ-อนุทิน-สุวัจน์’ พรรคสีน้ำเงิน 3 ฝ่าย รวมพลังชน ‘ก้าวไกล’
ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย มีความสลับซับซ้อนซ่อนเพื่อนทรยศมากกว่าที่ตาเห็นพอสมควร โดยเวลานี้ต่างทราบดีกันว่าทั้งสองฝ่ายกำลังงัดกันในเรื่องการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
ฝ่ายภูมิใจไทยแน่นอนว่าไม่เห็นด้วยด้วยการอ้างเหตุผลสารพัด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจชุมชน ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ยืนกระต่ายขาเดียวอย่างไรเสียต้องให้กัญชากลับบ้านเก่า เหลือไว้เพียงการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
ซึ่งเรื่องใหญ่อย่างนี้เกินกำลังของหมอชลน่าน ทำให้ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' ที่มีพรรษาทางการเมืองมากกว่าเข้ามาด่านหน้าในการรับแรงกระแทก
หรือให้ย้อนกลับไปไกลกว่ากันครั้งหนึ่ง 'ทักษิณ ชินวัตร' ไม่เคยลืมความแค้นที่มีต่อ 'เนวิน ชิดชอบ' ที่ขน ส.ส.ออกจากพรรคพลังประชาชนไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในอีกซอกเหลือบหนึ่ง 'ทักษิณ-อนุทิน' ไม่เคยมีความบาดหมางกันเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม 'อนุทิน ชาญวีรกูล' มักบอกต่อสาธารณว่าทักษิณเป็นหนึ่งในผู้มีพระคุณที่ทำให้ตัวเองมีวันนี้
ความสัมพันธ์ของ 'ทักษิณ-อนุทิน' ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นมากขึ้นไปอีก หลังจากปรากฎภาพร่วมกันสังสรรค์กันที่ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ เขาใหญ่ รีสอร์ตหรู ของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยบุคคลในภาพที่ร่วมเฟรมยังมีทั้ง 'สุวัจน์ ลิปตพัลลภ' ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่มีข่าวมาตลอดว่าทักษิณอยากดึงกลับมาร่วมงานกันที่พรรคเพื่อไทย
และ 'สารัชถ์ รัตนาวะดี' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย อีกหนึ่งกลุ่มทุนที่กำลังมีบทบาทอย่างมากในประเทศไทย
'ทักษิณ-สุวัจน์-อนุทิน' เป็นความสัมพันธ์พิเศษมากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นชัดเจน โดยทั้งสามคนมีจุดเกาะเกี่ยวกันตรงที่ต่างเคยเป็นรัฐมนตรีในขุมกำลังของพรรคไทยรักไทยกันมาก่อน ดังนั้น หากจะบอกว่าทั้งสามคนเป็นเพื่อนเก่าแก่ก็คงไม่ผิดนัก
อีกทั้งสองในสามคนนี้ คือ 'อนุทิน-สุวัจน์' ต่างมีซูเปอร์คอนเนคชั่นระดับ VVIP ที่แม้แต่ทักษิณเองยังเอื้อมไปไม่ถึงด้วย ทำให้ทักษิณห้ามปล่อยจากสองคนนี้เป็นอันขาด เช่นเดียวกัน สุวัจน์และอนุทินเองก็ต่างต้องอาศัยพลังทางการเมืองสำหรับการต่อสู้ในสนามการเมืองนี้เช่นกัน เพราะต่างบอบช้ำมาจากปรากฎการณ์ด้อมส้ม ส่งผลให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวและตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกันพอสมควร
ดังนั้น การรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับพรรคก้าวไกลที่ไม่ว่าจะถูกยุบหรือไม่ จึงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะไม่มี ส.ว.เข้ามาเป็นตัวสอดแทรกอีกแล้ว
ในยามที่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยไม่แข็งแกร่งเหมือนในอดีต และ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะมีบารมีมากพอบนตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเมื่อมองกลับไปที่พรรคเพื่อไทยก็ยังอุดมไปด้วยนักเลือกตั้งเต็มไปหมด หากถึงที่สุดแล้วเกิดเมกกะดีลที่ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีขึ้นมา เพราะ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ไปต่อไม่ไหวด้วยปัญหาเศรษฐกิจ
การฝากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไว้กับ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ในห้วงเวลาที่อายุของรัฐบาลเหลืออีกประมาณ 2 ปี ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย อย่างน้อยความสนใจคนส่วนใหญ่ต้องพุ่งไปที่ ‘อนุทิน’ ซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยมีเวลาเก็บกวาดบ้านของตัวเอง เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง
หลายคนฝ่ายอาจมองว่าพรรคภูมิใจไทยมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยเกินครึ่ง ต่อให้เป็นนายกฯได้จริงก็ไม่อาจบริหารได้ แต่อย่าลืมว่าการเมืองปัจจุบันมีการต่อสู้ที่ลึกซึ้งในเชิงอุดมการณ์และมีเดิมพันที่สูงเสียดฟ้า การรวมกันเฉพาะกิจเพื่อหยุดระบอบก้าวไกล จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญอย่าลืมว่าตราสัญลักษณของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติพัฒนา ต่างมีสีน้ำเงินเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น เรียกได้ว่าต่างพรรคก็จริงแต่มีเลือดสีเดียวกัน
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android