“ชาญชัย” จี้ “ภูมิธรรม-เศรษฐา” ตามตัว “ยิ่งลักษณ์” รับโทษคดีทุจริตจำนำข้าว ยุติปมข้าวค้างโกดัง พร้อมบี้ยึดทรัพย์กลับคืนรัฐ เหมือนคดีค่าโง่คลองด่าน ย้ำ ทำให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ปปง. ขู่หากยังเฉย เจอผิด ม.157 ติดตัวยาวแน่
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้อถกเถียงเรื่องข้าวเก่า 10 ปี ค้างโกดังในโครงการรับจำนำข้าว 10 ปี ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ระบุจะเอาเข้าสู่ระบบการค้าข้าวส่งออกนั้น ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 / 1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ให้จำคุก 5 ปี ดังนั้น ตนจึงขอฝากถึง นายภูมิธรรม รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ช่วยไปตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาลเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือภาษาชาวบ้าน คือ เอามาเข้าคุก 5 ปี ตามคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ไปช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์
นอกจากนี้ ตนจะหนังสือถึงนายภูมิธรรม พร้อมคำพิพากษาของคดีนี้ เพราะมีหน้าที่ ซึ่งโดยหลักของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ฐานความผิดตามมาตรา 3(5) ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฎหมายนี้ และตามคำตัดสินของคดีนี้ ต้องไปยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายในโครงการดังกล่าวคืนให้แก่รัฐ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติที่เสียหาย ตามคำพิพากษา คือ การเอาเงินกลับมาคืนคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเรื่องในการที่ทำให้เกิด
“เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเป็น รมว.พาณิชย์ แล้ว กลับจะมาแก้ปัญหาให้กับคนที่ถูกศาลฎีกาฯตัดสินลงโทษไปแล้ว รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร รวมถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย ที่ต้องยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาล เรื่องนี้ นายกฯ เศรษฐา ต้องดำเนินการนี้ เพราะเป็นคดีอาญา”
ส่วนที่มีการอ้าง และเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ศาลปกครองกลาง ได้ยกคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ฟ้องว่า มีการเรียกเก็บเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะกรณีค่าปรับที่ศาลปกครองกลางสั่ง เป็นคดีคำสั่งทางปกครอง แต่คดีที่ศาลฎีกานักการเมืองตัดสินจำคุกนี้ เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินของกฎหมาย ปปง. ซึ่งคดีเหมือนกรณีคดีค่าโง่คลองด่าน ที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินสั่งให้รัฐ ต้องชดใช้เงินให้กับบริษัทเอกชนรวม 5 บริษัท สุดท้ายเราต่อสู้คดีโดยใช้ข้อเท็จจริงและกฎหมายการฟอกเงินของ ปปง.พิสูจน์ว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บริษัท โดยใช้กฎหมายฟอกเงินไปยึดอายัดทรัพย์ทั้งหมด กลับคืนมาเป็นของรัฐ รวมกว่า 9 พันล้านบาท
”จึงจำเป็นต้องอธิบายให้สังคมไทย รับทราบว่า วันนี้ต้องกลับไปยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาคืนรัฐ โดยนายภูมิธรรมที่เป็น รมว.พาณิชย์ มีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งจะไปปรึกษากับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ดีก็ได้ ซึ่งถ้าผมยื่นเรื่องไปแล้ว และหากพวกท่านไม่ทำอะไร ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะติดตัวท่านไปตลอดชีวิต” นายชาญชัย กล่าว