เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่าการกินข้าวโชว์ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันก่อนเป็น “เรื่องการเมือง” อย่างชัดเจน โดยถูกมองว่ามีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง โดยเฉพาะการ “ฟอกขาว” โครงการรับจำนำข้าวในอดีต เพื่อนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็น “นายหญิง” ของพวกเขากลับบ้านในอนาคตอันใกล้นี้ แต่อย่างไรก็ดีแผนดังกล่าวน่าจะผิดเป้าหมายไปมาก เพราะกลายเป็นว่ายิ่งทำให้ “กลับบ้านยากขึ้น”
การนำคณะไปตรวจข้าวในโครงการรับจำนำข้าวในอดีตยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นการพิสูจน์ข้าวที่เก็บมานานกว่า 10 ปี โดยต้องการชี้ให้เห็นว่า “ไม่เน่า” สามารถนำมาหุงกินได้ปกติ แม้ว่าอาจต้องล้างตั้งแต่ 5 ครั้งถึง 15 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของข้าวดังกล่าวที่มีเหลืองซีด เต็มไปด้วยมอด และลักษณะการซาวข้าวแล้ว แม้ว่า นายภูมิธรรม จะโชว์ให้เห็นเมื่อนำมาหุงแล้วสามารถกินได้ปกติก็ตาม แต่ก็กลายเป็นคำถามด้วยความสงสัยมากมายว่า มันกินได้แน่หรือ ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพเลยหรือ เพราะจะต้องมีการรมยาฆ่าแมลงตลอดสิบปีหลายสิบครั้ง รวมไปถึงการเกิดเชื้อรา และสารก่อมะเร็ง ที่เกิดจากข้าวที่เก็บมานานจนเสื่อมสภาพ
ต่อมานายภูมิธรรม เวชยชัย ยังระบุว่า จะมีการนำข้าวที่ค้างสต็อกชุดนี้ ออกมาประมูล และส่งขายต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศในแอฟริกา คาดว่าจะได้เงินประมาณ 200-400 ล้านบาท
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า คนที่วิจารณ์ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร วันนี้ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่ากินได้หรือกินไม่ได้ แต่ปัญหาที่เคยพูดกันว่าข้าว 1 ปีก็เน่า ตนมาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าว10 ปี ด้านกายภาพไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้แฉะ ไม่ได้ติดหนืด ไม่เหมือนกับข้าว 5 ปีที่เอามาโชว์ ย้ำว่าข้าวจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่การเก็บรักษา ทั้งนี้ ในการทำจำนำข้าว เขามีกระบวนการเก็บรักษาเป็นมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม วันที่ไปดูตนนำเซอร์เวย์เยอร์ ซึ่งเป็นผู้ตรวจข้าวในมาตรฐาน ขึ้นทะเบียนการค้าเรียบร้อย ไปตรวจข้าวจำนวนมากแล้ว ไปขายในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับ ฉะนั้น ทุกกระบวนการที่จะมีปัญหาตนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว หากบอกว่ามีอะไร เดี๋ยวตนจะพิสูจน์ให้ อย่าพูดไปเรื่อยๆ แล้วมันไม่มีทางออก
“เอาสติมาคุยกัน เอาความจริงมาคุยกัน ผมเปิดเผยหมด มีผู้เกี่ยวข้องไปดูหมด แล้วคนที่ดูอยู่เฉยๆ จะมีปัญหาอะไร แก้ปัญหาให้มันจบ ปิดตำนานไปซะ ไปเคลียร์ซะ ได้ประโยชน์นำเงินขึ้นมา 200-400 ล้าน นำเงินมาชดใช้เจ้าของโกดังที่เขาเก็บไว้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นผลดีกับประเทศชาติ เถียงกันก็ต้องเถียงว่าทำไมถึงเก็บตั้ง 10 ปี ทำไมเปิดออกมาแล้วยังเหมือนข้าวปกติ ทำไมวันนั้นเอาไปขาย 5 บาท เป็นข้าวหัก ข้าวเน่า วันนี้เปิดออกมา 10 ปี เขายังบอกว่า 15-18 บาทขายได้ อย่ามาดรามาเลย เพราะผมไม่ชอบดรามากับใคร เอาความจริงมาพูด เอาปัญหามาแบ เอาสติปัญญามาแก้ปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่อ้างอิงผลตรวจในห้องแล็บ มีผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า ข้าวเก่าเก็บที่ว่านั้นมีสารอันตราย ไม่ควรบริโภค
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาเปิดเผยผลการตรวจตัวอย่างข้าว 10 ปีจากโกดังในโครงการรับจำนำข้าว ใน จ.สุรินทร์ ที่ทีมข่าวสำนักข่าววันนิวส์ส่งไปให้ตรวจ โดยพบสารอะฟลาทอกซิน หรือ สารก่อมะเร็งที่มีอันตรายมาก อยู่ในระดับ 20 pbb ซึ่งสะท้อนว่าอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ไม่ควรนำมารับประทาน
ดร.วีรชัย ยังเผยว่า ได้ทำการตรวจสอบซ้ำถึง 3 รอบ โดยใช้เทสต์คิตของศูนย์วิจัยข้าว พบว่า 1 ใน 3 พบสารอันตรายนี้ แต่เพื่อความชัดเจนมากขึ้นจะมีการส่งตรวจด้านเคมีอย่างละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยการตรวจในเบื้องต้นครั้งนี้ถือว่าแม่นยำ เพราะเป็นการตรวจเพื่อการส่งออกของศูนย์วิจัยข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยนักวิทยาศาสตร์ และนักวิชาการระดับสูงร่วมตรวจสอบด้วย และการตรวจหาสารเคมีในสัปดาห์หน้าจะเน้นตรวจหาสาร “ฟอสไฟด์” และ“เมทิลโบรไมด์” ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการรมมอด แมลง หนู และพบว่าข้าวที่อยู่ในโกดังข้าวเก่า 10 ปีก็มีสีเหลืองด้วย
นั่นเป็นคำยืนยันผลการตรวจสอบทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า ข้าวดังกล่าวเป็นอันตราย มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงหากกินเข้าไป
อย่างไรก็ดีจะว่าไปแล้วเมื่อพิจารณาทางด้านกายภาพ โดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากมันก็พอมองออกได้อยู่แล้วว่า ไม่สมควรกิน เพราะทั้งสภาพข้าวมีสีเหลืองซีด เต็มไปด้วยมอด กระสอบที่บรรจุเปื่อยยุ่ยภายนอกเหมือนกับขึ้นรา มองมุมไหนก็ไม่สมควรนำมาบริโภค หรือจำหน่าย
แต่ถึงอย่างไร หลายคนก็เชื่อว่าการ “ชิมข้าว” ที่ค้างสต็อกจากโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้มีเป้าหมายทางการเมือง นั่นคือ มีเจตนา “ฟอกขาว” ให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือเปล่า จนต้องหลบออกนอกประเทศ หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยทำให้เกิดการทุจริตในโครงการดังกล่าว จนสร้างความเสียหายด้านงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท จนบัดนี้ยังชดใช้กันไม่หมด
แน่นอนว่า โครงการรับจำนำข้าว ถือเป็นจุดด่างพร้อยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงครอบครัวชินวัตร ของนายทักษิณ ชินวัตร มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น เจตนาฟอกขาวในครั้งนี้จึงถูกมองว่า ต้องการนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านอีกคน หลังจากที่ นายทักษิณ ได้กลับมาแล้ว โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
แม้ว่ารายละเอียดของคดีจะต่างไปจากของพี่ชาย แต่คดีของเธอก็เหลือเพียงแค่คดีเดียว และศาลตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่หากจะมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ มันก็ต้องมีข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจนใหม่ เหมือนกับที่กำลังถูกจับตามองจากการ “กินข้าวโชว์” เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า“ข้าวไม่เน่า” มีคุณภาพดี และยังสามารถนำไปขายได้เงินกลับมา ขณะเดียวกันยังจะชี้ให้เห็นในทำนองว่า นี่ขนาดผ่านมาเป็นสิบปียังมีคุณภาพ หากมีการนำออกมาขายตั้งแต่ต้น มูลค่าก็จะยิ่งมาก เป็นการชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมามีเจตนาบิดเบือนให้ร้ายทางการเมือง อะไรประมาณนั้น
แต่ปัญหาก็คือ ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย กลายเป็นว่าผลสะท้อนที่ออกมาล้วนออกมาในทางลบ และยังทำให้ทุกสายตากลับมาจับจ้องอย่างรู้ทันอีกว่า นี่คือแผน “ฟอกขาว” เพื่อนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “นายหญิง” กลับมาเป็นการทำตาม “ใบสั่งนาย” หลังจากก่อนหน้านี้มีการประกาศว่า จะพาเธอกลับมาฉลองสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ในปีหน้า แต่เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็น มันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้น ถึงยากมาก เพราะทุกอย่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะแม้แต่ นายทักษิณ ชินวัตร จะเคลื่อนไหวอะไรก็ดูผิดพลาดติดลบไปเสียหมด !!