กกต.ยันได้ ส.ว. 200 คน ตามไทมไลน์ แน่นอน ไม่มีเงื่อนไขทำให้เกินโรดแมป แจงสื่อทำหน้าที่ได้ปกติ สัมภาษณ์- วิเคราะห์ได้ แต่ห้ามแนะนำตัว ช่วยหาเสียง
วันนี้ (14 พ.ค.) นายแสวง บุญมี เลขาฯ กกต.พบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนในเรื่อง “สื่อกับการปฏิบัติในห้วงมีพระราชกฤษฎีกา การเลือก ส.ว. ปี 67” เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
นายแสวง กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือก ส.ว.หลากหลายมาก ถ้ามีหลักการเหตุผล มีประโยชน์และเป็นธรรม กกต.พร้อมฟังทุกความคิดเห็นและนำมาปรับปรุงแก้ไขเท่าที่เห็นกฎหมายให้ กกต.สามารถทำได้ ยอมรับว่า การเลือก ส.ว.ครั้งนี้ มีความสลับซับซ้อน แต่สิ่งที่จะทำให้เราเดินไปถึงจุดหมายร่วมกันได้ คือ กติกา ซึ่งต้องรู้ว่ากติกาเขียนไว้อย่างไร กกต.ไม่ได้คิดต่างจากประชาชน จะต่างกันแค่ที่ยืน ในฐานะที่เป็นกรรมการก็มีหน้าที่ทำตามกฎหมาย จะน้อยหรือมากกว่ากฎหมายก็ไม่ได้
“รัฐธรรมนูญต้องการให้ได้ ส.ว. ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.ก็พยายามออกแบบเพื่อให้กระบวนการไปถึงตรงนั้นให้ได้ ขอให้เดินมาสมัคร และมีสิทธิได้รับเลือก ไม่ใช่ไปตั้งกลุ่มก๊วนถือว่ามีพวกมากก็ได้รับคัดเลือก ดังนั้น กฎหมายจึงออกแบบเพื่อให้โอกาสคนทั่วไป คิดว่า น่าจะมีคนอีกเยอะที่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาสามารถสู้ได้” นายแสวง กล่าวและว่า การป้องกันการเลือกไม่สุจริต สมมติมีการฮั้วแลกคะแนนกัน ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง สำนักงานมีข้อมูลไม่ว่าจะทั้งบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ เราเก็บข้อมูลมาโดยตลอด และการที่กฎหมายออกแบบให้มีการเลือกไขว้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้ออกแบบคิดว่าจะป้องกันการฮั้วได้ระดับหนึ่ง
ส่วนประเด็นการแนะนำตัวช่วงมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก ส.ว. สื่อมวลชนสามารถนำเสนอข่าวได้ตามหลักวิชาชีพ แต่เนื่องจากระเบียบมีการใช้บังคับกับผู้สมัครในบางเรื่อง ผู้สมัครจะระวังตัวเอง สื่ออยากสัมภาษณ์ผู้สมัคร อยากวิเคราะห์ข่าวสามารถทำได้ แต่ผู้สมัครต้องระวังไม่แนะนำตัวผู้สมัคร ว่าเบอร์นั้น เบอร์นี้
กรณีผู้ประกอบวิชาชีพสื่อลงสมัครรับเลือก ส.ว. ก็ยังเป็นผู้ประกาศข่าวได้ตามปกติ แต่ไม่ใช่ประกาศข่าวไปด้วยแนะนำตัวเองไปด้วยว่ามีคุณสมบัติเช่นนั้นเช่นนี้ วันสมัครสื่อลงพื้นที่รายงานข่าว นำเสนอได้ว่ามีคนดังใครสมัครบ้างได้ รวมทั้งนำเสนอประวัติ ภูมิหลังผู้สมัครได้แต่อาจต้องระมัดระวังเรื่องของการหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ ระหว่างสมัครกฎหมายไม่ให้กกต.เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร เพราะจะทำให้คน ที่กำลังคิดจะลงสมัครรู้ ว่ามีกลุ่มไหนมีคนสมัครมาก น้อย แต่หลังปิดรับสมัครแล้วจะมีการเปิดเผยรายชื่อผู้สมัครทุกกลุ่มทั่วประเทศ พร้อมประวัติผ่านแอปพลิเคชัน smart watch และเว็บไซต์ กกต ประชาชนสามารถตรวจสอบประวัติ และแจ้งข้อมูลลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครได้และสามารถมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ที่หน่วยเลือก ส.ว.ได้ทุกระดับ โดยจะมีการถ่ายทอดสดบรรยากาศการเลือกและการนับคะแนนมายังพื้นที่ที่จัดไว้รองรับ
นายแสวง กล่าวด้วยว่า สิ่งที่คนกังวลว่าอาจจะทำให้ได้ ส.ว. 200 คน ไม่ตามกำหนดเวลาที่ กกต.ประกาศ อย่าง เรื่องคุณสมบัติ หากคนสมัครเยอะจะตรวจคุณสมบัติทันหรือไม่ ที่ตรวจสอบยากที่สุด คือ การถือหุ้นสื่อ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ได้ประชุม 27 หน่วยงานตรวจสอบ มีการซักซ้อมหน่วยงานพร้อมสนับสนุนข้อมูล กรณีหุ้น หากเป็นการถือปกติ วันเดียวก็ตรวจสอบรู้ ที่เกิดปัญหาเช่นในอดีต เป็นกรณีมีการโอนหุ้นทำให้มีความซับซ้อน นอกจากนี้ถ้ามีการยื่นเอกสารเท็จ จะถูกดำเนินคดี และอาจถูกเพิกถอนการสมัครตลอดชีพ (ใบดำ) ได้รับโทษทั้งผู้สมัครและผู้ให้การรับรอง ส่วนที่ยื่นต่อศาล แล้วศาลวินิจฉัยไม่ทัน การเลือก ก็ดำเนินต่อได้เลย เพราะกฎหมายกำหนดให้เลือกเท่าที่มี
หรือกรณีร้องคัดค้านกระบวนการเลือก ในระหว่างการนับคะแนนให้สิทธิท้วงได้ หากเห็นว่าคณะกรรมการเลือกทำหน้าที่ไม่ชอบมาพากลหรือนับคะแนนผิดจากสิ่งที่แสดงให้เห็น ซึ่งกรรมการก็จะวินิจฉัยในวันนั้นทันที ถ้าไม่พอใจก็ไปร้องศาลฎีกาได้ และศาลฎีกาต้อง ตัดสินให้เสร็จก่อน 1 วัน หากตัดสินไม่เสร็จ ก็เดินหน้าเลือกต่อไป และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว ส่วนการร้องทุจริต ถ้าหากทำไม่ทัน กฎหมายให้ประกาศรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังเช่นเดียวกับการเลือกตั้ง ส.ส. เพราะกฎหมายให้เรียกสำรอง 5 คน จากกลุ่มที่ถูกสอยก่อน หากหมดแล้วค่อยจับสลากสำรองกลุ่มอื่น แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว สำรอที่มีอยู่ไม่เพียงพอ กฎหมายก็กำหนดให้ทำหน้าที่เท่าที่มี แต่ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง หรือมากกว่า 100 คน แต่หากได้ ส.ว.น้อยกว่า 100 คน และยังมีอายุทำงานของ ส.ว.เกิน 1 ปี ก็ให้ กกต.จัดการเลือกให้ครบ
ยืนยันว่า ประชาชนจะได้ ส.ว. 200 คน พร้อมสำรอง 100 คน ตามกำหนดเวลา ไม่มีปัจจัยใด ที่จะประวิงเวลาหรือเลื่อนการได้มาซึ่ง ส.ว. 200 คน ออกไปจากไทม์ไลน์ที่ได้กำหนด
ดูตามกระบวนการต่างๆแล้วจึงไม่มีช่องไหนที่จะทำให้การเลือก ส.ว. ครั้งนี้ เกิน Road Map แม้แต่วันเดียวเราจะได้ ส.ว.200 คน ประเทศชาติเดินหน้าได้แน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบมาให้ครอบคลุมทุกประเด็น”
เลขาฯ กกต.ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กกต.มีการแก้ไขระเบียบการแนะนำตัว โดยผู้สมัครสามารถแนะนำตัวผ่านโซเชียลได้ ได้ทุกแพลตฟอร์ม ติ๊กต็อก YouTube Facebook Instagram สามารถทำได้แต่สาระของการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมายคือตามแบบ ส.ว.3 เท่านั้น สื่อก็ยังทำหน้าที่ได้ตามปกติ สามารถเชิญผู้สมัครมาสัมภาษณ์ในประเด็นอื่นๆ ที่ผู้สมัครคนนั้นๆ มีความเชี่ยวชาญ แต่ทั้งผู้สมัคร และสื่อ ต้องไม่มีการแนะนำตัว หรือบอกว่าตัวเองลงสมัครรับเลือก ส.ว.อยู่ ส่วนการเชิญนักวิชาการมาวิเคราะห์ว่าใครจะได้รับการเลือกเป็น ส.ว.สื่อก็สามารถทำได้ วันสมัครสื่อก็สามารถรายงานบรรยากาศ และสัมภาษณ์ผู้สมัครได้ แต่ผู้สมัครต้องระวังตัว ไม่แนะนำตัว ไม่พูดถึงวัตถุประสงค์การลงสมัคร เพราะจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย กรณีผู้สมัครมีการโพสต์ข้อความที่มีลักษณะเป็นการแนะนำตัวไว้ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาฯ ต้องลบข้อความดังกล่าวออก และสื่อสามารถนำเสนอภูมิหลังทั้งด้านดี และไม่ดี ของผู้สมัครได้ แต่ต้องระวังเรื่องการถูกฟ้องหมิ่นประมาท
เมื่อถามว่า กรณี influencer เพื่อน หรือญาติผู้สมัคร จะสามารถนำเสนอข้อมูลผลงาน ความเคลื่อนไหวผู้สมัคร ส.ว.ได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย สื่อ หรือผู้อื่นก็คือคนคนเดียวกัน หากรู้เห็นเป็นใจทำให้การเลือกไม่สุจริตเที่ยงทำก็ต้องได้รับโทษ การวินิจฉัยก็ต้องดูที่ข้อเท็จจริง หากผู้สมัครไม่สบายใจ ก็ต้องบอกคนเหล่านั้นอย่ามาทำให้ตนเอง แต่หากรับประโยชน์ตลอด ก็ต้องพิสูจน์ ว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ยืนยันว่า การรณรงค์เชิญชวนคนมาสมัครไม่ถือเป็นความผิด ทำได้ทั้งนั้น แต่อย่าไปช่วยเหลือหรือแนะตัวในสิ่งที่ผิด เพราะตามระเบียบแนะนำตัว ให้ผู้สมัครดูแลตัวเอง
เมื่อถามถึงกรณีคณะก้าวหน้า ไอลอว์ สามารถจัดกิจกรรมรณรงค์ สื่อสาร เกี่ยวกับผู้สมัครได้มากน้อยแค่ไหน นายแสวง กล่าวว่า กรณีรณรงค์ให้มาสมัครเลือกตั้ง ไม่บอกว่าใครทำอาชีพอะไรก็สามารถทำได้แต่อย่าไปช่วยเหลือหรือแนะนำตัวในสิ่งที่ผิด
เมื่อถามว่า ในวันที่ 15-16 พ.ค. ศาลปกครองจะมีการไต่สวนกรณีมีผู้ร้องให้เพิกถอนระเบียบ แนะนำตัว ส.ว. ทาง กกต.จะเตรียมการรับมืออย่างไร นายแสวง กล่าวว่า รอดูวันที่ศาลมีคำวินิจฉัย จริงๆ เรื่องที่ถามก่อนจะแสดงความเห็นอะไร อยากให้กลับไปดูกฎหมายก่อนว่า กฎหมายให้ทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน กกต.ยืนยันว่า ทำตามกฎหมาย เราไม่ได้เขียนกฎหมายขึ้นมาเอง
