เครือข่ายปชช.ยื่นกกต.ค้านระเบียบแนะนำตัวสว. ชี้มีโทษอาญาสร้างความหวาดกลัวผู้สมัคร ปิดปากปิดหูปิดตาประชาชน-สื่อ จี้ปรับปรุง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย
วันนี้ (7พ.ค.) เครือข่ายประชาชนพิทักษ์สิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรม นำโดยนายวรา จันทร์มณี เลขาธิการเครือข่ายฯ และผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) นางนันทนา นันทวโรภาส ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นส.ว.เขายื่นหนังสือต่อกกต.คัดค้านและเรียกร้องให้ระงับการบังคับใช้ ระเบียบฯ การแนะนำตัว ส.ว. และแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตยมากที่สุด
โดยนายนนทวัฒน์ เหล่าผา อาสาสมัครเครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย (wewatch) กล่าวว่า เห็นว่าระเบียบฯดังกล่าว วางกรอบการแนะนำตัวเข้มงวด เป็นการปิดปากผู้สมัคร ปิดปากสื่อมวลชน และปิดหูปิดตาประชาชน จึงขอเรียกร้องให้กกต.ระงับการบังคับใช้ระเบียบไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขเพื่อรองรับหลักการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกกต.ควรกําหนดมาตรการและแผนงานในการส่งเสริมการรับรู้ การมีส่วนร่วม และการตรวจสอบการทุจริตโดยประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ผ่านการเปิดกว้างเพื่อรับ ฟังเสียงประชาชนและสื่อมวลชนที่จะได้รับผลกระทบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ากกต.จะทำหน้าที่ได้อย่างยุติธรรม ให้กับสื่อมวลชนและประชาชน ในกระบวนการเลือกตั้งสว.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
นายวรา กล่าวว่า กกต.ต้องไม่ให้กฎระเบียบมาเป็นกำแพงกั้นขวางความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ให้สื่อมวลชนมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าว และให้ผู้สมัครได้แถลงข้อมูลแก่ประชาชน กกต. อย่าเอากฎระเบียบมาขวางความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
"สว.เป็นหนึ่งใน500คนของรัฐสภา ที่ยึดโยงโดยตรงกับภาคประชาชน ฉะนั้น วันนี้มาเพื่อเรียกร้องกกต.ว่าอย่าปิดกั้น การมีส่วนร่วมของประชาชน เสรีภาพของผู้สมัคร หรือของสื่อมวลชน "
ด้านนางนันทนา กล่าวว่า ตนเห็นสอดคล้องกับนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนบางข้อของระเบียบฉบับนี้ แต่ศาลปกครองนัดไต่สวนวันที่ 16 พ.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีกฤษฎีกาการเลือกสว.ออกมาแล้ว จึงต้องมายื่นต่อกกต.โดยตรง เพื่อกระตุ้นให้เห็นว่าระเบียบนี้ส่งผลต่อความหวาดกลัวไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้ผู้สมัครได้แนะนำตัวให้ประชาชนได้รับรู้ กกต.จึงควรจะปรับปรุงระเบียบให้สอดคล้อง กับข้อเท็จจริงและทันต่อการที่จะมีกฤษฎีกาการเลือกสว.ออกมา
"ระเบียบกกต.ที่ออกมา ข้อกำหนดเรื่องการแนะนำตัวถ้าผู้สมัครทำผิดพลาดไปมีโทษทางอาญา เป็นเรื่องที่สร้างความหวาดกลัว ทั้งที่การเลือกสว. ครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ ประชาชนไม่ได้รับรู้มาก่อน ดังนั้นถ้าผู้สมัครแนะนำตัวผิดพลาดไปก็ไม่ควรมีโทษทางอาญา อีกทั้งการแนะนำตัวที่ให้แนะนำกับผู้สมัครด้วยกันเอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครประสงค์จะสมัคร เพราะกกต.ก็ไม่มีช่องทางการสื่อสารว่าใครจะเป็นผู้สมัคร ตรงนี้เป็นการปิดกั้นผู้สมัครด้วยกันเอง และไม่ควรจำกัดให้แนะนำเฉพาะกับผู้สมัครด้วยกัน ประชาชนควรจะได้รับรู้ด้วยเพราะแม้จะไม่ได้เลือกแต่สว.ก็เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ควรที่จะได้รับรู้ประวัติของผู้สมัคร และมีส่วนที่จะได้เฝ้ามองการเลือกครั้งนี้ ฉะนั้นเมื่อมีผู้ออกมาท้วงติง กกต.ควรจะรับฟัง และยังมีเวลาที่จะปรับปรุง ระเบียบเพื่อไม่ให้ถูกข้อครหานินทาจากประชาชนว่า กกต.ไม่ได้สนับสนุนการเลือกสว. และไม่ได้สนับสนุนให้ประชาชนทั้งหมดได้รับรู้ข้อมูลการเลือกตั้งครั้งนี้ "
นางนันทนา กล่าวด้วยว่าการที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการร้องเป็นคดีความ ไม่ได้ต้องการให้มีการดำเนินคดีกัน เป็นการมาขอความเห็นใจ ความเข้าใจจากกกต.ว่าการเลือกสว.ครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้ประสงค์จะสมัครสำหรับประชาชน สำหรับสื่อมวลชน ถ้ากกต. เห็นว่าการเลือกสว.เป็นภารกิจสำคัญ ควรให้ความสำคัญ กับกฎกติกาที่จะออกมาบังคับใช้ กับผู้ประสงค์จะสมัคร และสื่อมวลชน ให้มีความโปร่งใสชัดเจน แต่ถ้ากกต.ไม่คิดจะทบทวนกติกาปรับปรุง เท่ากับกกต.ไม่ได้สนับสนุนการเลือกให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของ กกต.เสียหายเอง