xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”หลงอดีต พาพังทั้งขบวน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

หากพิจารณาการเมืองในภาพรวมที่เชื่อมโยงระหว่าง “ครอบครัวชินวัตร” โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังมีสถานะเป็นนักโทษเด็ดขาด กับพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลแล้ว ถือว่าทุกอย่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย ตรงกันข้ามกำลังกลับกลายเป็นภาวะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ มองหาโอกาสในการพลิกฟื้นในระยะอันใกล้นี้แทบมองไม่เห็นเลย

หากย้อนกลับไปพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” ทำให้เห็นภาพก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเป็น “จุดศูนย์กลาง” ของทุกอย่าง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ไม่ต่างจาก “เถ้าแก่” หรือเจ้าของพรรค จนมาถึงเป็นผู้ “สั่งการ” อยู่เบื้องหลังรัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรี คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แม้ว่าจะเป็นผู้นำในทางกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงถูกมองว่าต้องฟังคำสั่งจากคนนอก ที่เรียกว่า “ผู้มีบารมี” คนนั้น

อย่างไรก็ดี หลังจากได้เห็นการเคลื่อนไหวและการแสดงบทบาททั้งหน้าฉากและหลังฉากของ นายทักษิณ ชินวัตร แทบไม่น่าเชื่อว่า ทุกเรื่องที่เขาแสดงออกมาล้วนมี “ผลลบ” มากกว่าบวก หรือหากมองอีกมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะเขา “อ่านเกมผิดพลาด” มาตั้งแต่ต้นก็เป็นได้ อีกทั้งด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้วก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้เขาถูกมองว่ายัง “หลงใหลอยู่กับอดีต” ที่ยังคิดว่าตัวเองยังยิ่งใหญ่ มีบารมี และประสบความสำเร็จเหมือนเช่นที่เคยมีอำนาจช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี และเจ้าของพรรคไทยรักไทย เมื่อราวยี่สิบปีที่ผ่านมา

หลายคนวิเคราะห์ว่า สาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ “เริ่มต้นก็ผิดแล้ว” นั่นคือ การไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ได้สร้างภาพลบอย่างมากให้กับนายทักษิณ ชินวัตร และยังลามมาถึงพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลและในที่สุด เพราะกลายเป็นว่ามีความเชื่อมโยงกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ภาพของ“นักโทษเทวดา” ที่สะท้อน “อภิสิทธิ์ชน” และคนไม่เท่ากัน เป็นการท้าทายความรู้สึกของสังคม เป็นการตอกย้ำถึงการย่ำยีกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาทั้งรัฐบาล และหน่วยงานด้านราชทัณฑ์จะอ้างหลักการ ระเบียบต่างๆที่ทำให้ นายทักษิณ ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่เชื่อว่าคนในสังคมก็ย่อมมองออก แม้กระทั่งคนที่พยายามแก้ต่างให้ ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่า ความจริงเป็นอย่างไร

แต่แทนที่นายทักษิณ จะอยู่กบดานเงียบๆ หลังจากได้รับการพักโทษ มาอยู่บ้าน หรือ “เลี้ยงหลาน” ตามที่เคยอ้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขากลับยิ่งท้าทายความรู้สึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีข้อจำกัด แม้แต่การพบ นายฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชา ที่ยังมีอิทธิพลหมายเลขหนึ่งในประเทศนั้น ได้เข้าพบที่บ้านพัก “จันทร์ส่องหล้า” เป็นคนแรก ภาพที่ออกมาก็มองไม่เห็นผลดีนัก เพราะกลายเป็นเพิ่มความระแวง ในเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ตามมาอีก เพราะหลังจากนั้นก็มีการเดินทางเยือนกัมพูชาของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของเขาตามมา ทั้งที่ไม่น่าจะมีประโยชน์ หรือมีผลดีอะไรนัก ซึ่งถูกมองด้วยความไม่ไว้วางใจอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” ของทั้งสองฝ่าย ในลักษณะเป็น “ดอง” ของสองครอบครัว ที่ลูกของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไปแต่งงานกับครอบครัวผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในเครือข่ายของ นายฮุนเซน ที่นั่นมาก่อน
และอย่างที่รู้กัน ภาพหลังจากนั้นนายทักษิณ ชินวัตร ก็ได้เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย มีการเดินสายเริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดของตัวเอง ที่แม้ว่าอ้างว่าไปไหว้บรรพบุรุษในรอบหลายปีแล้ว แต่ก็มีการประชุมส.ส.และคณะรัฐมนตรี ไม่ต่างจากการไปประชุม“ครม.สัญจร” และการตรวจราชการในฐานะนายกรัฐมนตรี และภาพที่ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงสงกรานต์ ที่ผ่านมา ที่เขาแสดงออกมาไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรี หรือทำให้ “เหนือกว่า” เสียอีก หรือแม้แต่กรณีเดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ต ก็แสดงออกในลักษณะเดียวกัน

แต่ที่ต้องจับตายิ่งไปกว่านั้นก็คือ บทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาในลักษณะ “ล้ำเส้น” อาจทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากกรณีเข้าไปแทรกแซงปัญหาความขัดแย้งในประเทศเมียนมา หรือ พม่า เพราะตามข่าวที่มีการยืนยันออกมาจากสื่อพม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า ที่ระบุว่า นายทักษิณ เป็นตัวตั้งตัวตี ทำตัวในลักษณะ“ขาใหญ่” เชิญตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่ม และกลุ่มรัฐบาลเงาของพม่า มาหารือไกล่เกลี่ยกันที่จังหวัดเชียงใหม่ และในกรุงเทพมหานคร ทำตัวเป็น “คนกลาง”ในการให้ทุกฝ่ายสร้างความปรองดองเพื่อหวังให้เกิดสันติภาพในประเทศนั้น โดยข่าวระบุว่า เขาเรียกร้องให้บรรดาตัวแทนชาติพันธุ์ ลงนามรับรองให้เขาเป็นตัวแทนในการเจรจาไกล่เกลี่ย

อย่างไรก็ดี ในวงการหารือดังกล่าวกลับไม่มีตัวแทนของรัฐบาลทหารพม่า อีกทั้งในกลุ่มชาติพันธุ์ ก็ไม่มีใครยอมลงนาม เพราะยังงงอยู่กับสถานะของ นายทักษิณ ว่าอยู่ในสถานะไหนกันแน่ แต่ผลที่ตามชัดเจนที่สุดก็คือ ทางรัฐบาลทหารพม่าได้แถลงตำหนิบทบาทดังกล่าว ทำนอง“อย่าจุ้น” ปัญหาของคนอื่น

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย เพราะนายทักษิณ ชินวัตร ยังมีสถานะเป็น นักโทษ จะกระทบกับรัฐบาลไทยหรือไม่ เพราะเขาเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศ จะกระทบกับกลุ่มอาเซียน มหาอำนาจที่เกี่ยวข้อง ทั้ง จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ที่มีผลประโยชน์ในประเทศนั้น

แต่ที่น่าสนใจก็คือ การเข้ามาของนายทักษิณ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เขามีความเข้าใจกับปัญหาแค่ไหน เพราะตามข้อมูลที่ยืนยันก็คือ เขาเชิญตัวแทนผิดกลุ่ม นั่นคือเชิญตัวแทนกระเหรี่ยงกลุ่มย่อยกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากเข้าใจว่าเป็น “คะฉิ่น”

มองในภาพรวมถือว่าบทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะทุกฝ่ายปฏิเสธ มิหนำซ้ำยังสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลทหารพม่าที่ตำหนิอย่างรุนแรง จนสร้างความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับไทย ที่เรามองเป็นเรื่องปัญหาภายใน และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น

นอกเหนือจากนั้น ยังมีรายงานข่าวตามมาอีกว่า ในการเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต เมื่อหลายวันก่อน กลายเป็นว่า เขาได้เชิญ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อหารือกับปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่เกิดขึ้น นอกจากไม่เป็นผลบวกกับประเทศแล้ว ยังสร้างปัญหาตามมามากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาทางการเมือง จากบทบาทและการเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ต้น จนมาถึงเข้าไปจุ้นกับปัญหาในพม่า เจรจากับผู้นำมาเลเซีย แบบลับๆ ที่ “ล้มเหลว” แถมยัง “หน้าหงาย” กลับมาอย่างไม่เป็นท่า แต่หากพิจารณากันแบบเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาต้องออกมาแสดงบทบาทแบบนี้ ทำตัวไม่ต่างจาก “ขาใหญ่” พยายามดึงคนโน้นคนนี้เข้ามา โดยอาจหลงสำคัญผิดว่า “ตัวเองสำคัญ” ซึ่งอาจจะจริงหากเป็นในประเทศไทยที่เขาสามารถชี้นำสั่งการได้แม้แต่นายกรัฐมนตรี แต่กับปัญหาระหว่างประเทศที่ซับซ้อน อ่อนไหว ย่อมต่างกัน ดังนั้นจึงน่าจะเป็น “บทเรียน” ที่เขาได้ทบทวนทุกอย่างมันไม่ง่าย

อีกทั้งเมื่อพิจารณากันตามสถานการณ์แล้ว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อเวลาผ่านมานับสิบปีแล้ว หลายคนอาจลืมไปแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร เป็นใคร ไม่สามารถชี้นิ้วสั่งการใครได้เหมือนก่อน และภาพเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นล้วนเกิดภาพลบ ยังส่งผลสะเทือนมาถึงรัฐบาล แม้กระทั่งลูกสาวของตัวเอง อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่พยายามดันให้เป็นนายกฯ คนต่อไป มันก็เป็นเรื่องยาก เพราะกระแสไม่ปังอย่างที่คิด ตรงกันข้ามมีแต่ถดถอยลง ส่อพังทั้งขบวน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น