ข่าวร้าย! “สมชัย” เชื่อ สัญญาณ “ยุบพรรคก้าวไกล” เริ่มชัด แนะรักษา ส.ส.ให้อยู่กับพรรคให้มากที่สุด “ดร.อานนท์” เผย หลอกเป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ชี้คนรุ่นใหม่สามกีบอาจคิดไม่ถึง คนรุ่นตน connection ถึงกันหมด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(12 มี.ค.67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กถึง กรณี กกต. ส่งเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ว่า
“1. ระยะเวลาที่ กกต.พิจารณา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป คือ ใช้เวลาราว 1 เดือน 10 วัน หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 มกราคม 2567
2. ขั้นต่อไป ในขั้นศาลรัฐธรรมนูญ ไม่น่าจะเกิน 2 เดือนจากนี้ คือ อยู่ในราวต้นเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งมีแนวโน้มเกือบไม่มีทางเป็นสิ่งที่เป็นข่าวดีต่อพรรคก้าวไกลได้
3. การยุบพรรค จะมีผลต่อการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องประเมินว่า จะรักษาหลักการที่รอผลคำวินิจฉัย หรือ จะให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นกรรมการบริหารลาออกเพื่อเลื่อนลำดับคนขึ้นมาแทนที่เพื่อรักษาจำนวน ส.ส.หลังยุบพรรคให้มีจำนวนเท่าเดิม
4. การย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ของ ส.ส. ต้องทำภายใน 60 วัน จึงเป็นเรื่องที่ต้องพยายามรักษา ส.ส. ให้อยู่ให้มากที่สุด ท่ามกลางข้อเสนอที่เย้ายวนจากพรรคการเมืองอื่น ที่ต้องมีข้อเสนอเชิญชวนให้สังกัดพรรคอย่างมากมายแน่นอน”
ขณะเดียวกัน ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาสถิติศาสตร์สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า
“สิ่งที่คนรุ่นใหม่สีส้มสามกีบบางคนอาจจะคิดไม่ถึงคือ
หนึ่ง คิดว่าจะโกหกคนรุ่นผมได้ง่ายๆ รุ่นไดโนเสาร์ นี่แหละครับ
สอง ไม่คิดว่า คนรุ่นผมจะมี connection ถึงกันหมด ยกหูโทรศัพท์ทีเดียวรู้ทุกเรื่อง
มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาทางด้านการสอนวิชาสังคมศึกษาโทรหาผม โดยที่ไม่เคยเจอหรือรู้จักกันมาก่อน
และแสดงพฤติกรรมทางวาจาดังนี้
หนึ่ง แสดงตนว่าเป็นคนจงรักภักดี เป็นกรรมการจัดนิทรรศการหรืองานอะไรเกี่ยวกับการเฉลิมพระเกียรติเจ้านาย ผมก็รับฟังไว้
สอง แต่งนวนิยายหลอกผมว่า จะทำวิทยานิพนธ์กับอาจารย์ระดับรองอธิการบดี เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาตัวแบบการเรียนการสอนเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ.ที่ปรึกษาเจาะจงว่าให้มาเชิญผมไปเป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ผมก็รับฟังไว้ แล้วขู่สำทับไปว่าแน่ใจแล้วหรือ?
ความจริงเป็นดังนี้
หนึ่ง ดิจิทัลฟุตพรินท์ของเขาที่ทางเพจหนึ่งส่งให้ผม เขาไม่ได้เป็นคนจงรักภักดีแต่อย่างใด ผมแค่พิมพ์ข้อความไปถาม ได้ข้อมูลมาครบทุกเม็ด โดยไม่ต้องทำอะไรเลย
สอง ผมก็ไลน์ถามอาจารย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกันดี ว่าเขาโกหกอะไรไหม อาจารย์ท่านนั้นก็โทรหาอาจารย์ที่ปรึกษาระดับรองอธิการบดี ทำให้ได้คำตอบว่า เค้าโครงวิทยานิพนธ์แม้แต่หน้าเดียวก็ยังไม่เคยส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษาดู แล้วจะเชิญอานนท์ไปเป็นกรรมการสอบได้อย่างไร ทำไมช่างกล้าไปแต่งเรื่องโกหกอาจารย์อานนท์
จบดราม่าสีส้มครับ
ผมทราบนะครับว่า ตัวการที่อยู่เบื้องหลังการเล่นละครโกหกไม่แนบเนียนในครั้งนี้เป็นใคร นั่งเฉยๆ พิมพ์ไลน์ไปสองประโยค ทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาเอง ง่ายยิ่งกว่าดีดนิ้ว ใช้เวลาไม่ถึงนาที
เขาไม่เคยสังเกตอะไรเลยหรือว่า ผมได้ข้อมูลทุกอย่างมาได้ลึกแค่ไหน ได้มาอย่างไร แล้วคิดว่า คนอย่างผมจะไม่รู้จักใครเลยหรือไง ทำไมเขาช่างกล้าและโง่ได้เพียงนี้หนอ
เรื่องนี้จะส่งผลถึงอนาคตของเขาอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะผมนะครับ แต่บรรดาคนที่เขาไปแต่งเรื่องโกหกหลอกเอาไว้ต่างรู้ความจริงกันหมดแล้ว
ช่างมีนิสัยคุณชายพระตะบองจริงๆ เลยครับ.”