ข่าวปนคน คนปนข่าว
**นายกฯก็แห้ว “ท่านชาย” เป็นได้แค่มโน หรือ "แดดดี้พิธา" จะเหมาะกับเล่นละคร-นักแสดง!?
แดดดี้ทิม-พิธา "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สส.พรรคก้าวไกล ช่วงนี้ถูกขุดคุ้ยถึงความ "โป๊ะ" มาขยี้ต่อเนื่อง ชี้ให้ได้เห็นพร้อมกับคำถามว่า อดีตคนเคยเรียกตัวเองเป็น "นายกฯ" และ มุ่งมั่นจะเข้า "ทำเนียบรัฐบาล" คนๆ นี้เป็นคนยังไง?! อะไร ทำไมถึงทำไปเช่นนั้น?
ดูจากโพสต์ในไอจี เมื่อปี 58 ที่เจ้าตัวเพิ่งลบออกไปจากโซเชียลฯ ส่วนตัว นำเสนอ "บ้านเก่าคุณยาย" อยู่มา 100 ปี ถูกจับโป๊ะว่า ที่แท้เป็นบ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่พระตะบอง กัมพูชา
เล่นเอาหลายคนขำกลิ้ง "ท่านชายพิธา" เกี่ยวดองอะไรกับ "ตระกูลอภัยวงศ์"
เครือญาติของอภัยวงศ์ งงในงง ว่า “พิธา” ช่างกล้า ท่าจะบ้าถึงที่สุด
งานนี้ มาคอนเฟิร์มว่า "ท่านชายทิม-พิธา" มโนโซเชียลฯ จากโพสต์ชิ้นล่า โดย "ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดในตระกูลอภัยวงศ์ แหก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่ญาติ”
ความโดยละเอียดถูกขยายเอาไว้ว่า “เข้าใจว่าคุณคทา อภัยวงศ์ บุตรชายของคุณควง อภัยวงศ์ อายุ 88 ปี น่าจะเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุดในตระกูลอภัยวงศ์ในเวลานี้ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นบิดาของ นายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และนายควง อภัยวงศ์ เป็นบิดาของ คุณคทา อภัยวงศ์ ไลน์ของคุณคทา อภัยวงศ์ ที่ส่งถึงลูกหลานในห้องไลน์ของตระกูลอภัยวงศ์ กรณีของนาย Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อ้างว่า คุณยายเคยอาศัยในจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เมืองพระตะบอง มีดังนี้
“… เรื่องคุณพิธา ถ้ามีใครถาม ตอบได้เลยว่า 1.ไม่ใช่บุคคลในตระกูลอภัยวงศ์ 2. การแอบอ้างว่าเคยอยู่ในตึกในภาพ เป็นการโอ้อวดสร้างภาพฐานะตามปกตินิสัยเขมร เพราะแม้แต่เคยอยู่ในบริเวณจวนเจ้าเมือง ก็ยังไม่มี 3. ตึกที่พระตะบอง เป็นที่ทำการของฝรั่งเศส มากว่า 120 ปี คุณยายเกิดแล้วหรือยัง …”
อาจารย์คนดังยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า "ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะได้ข้อยุติแล้วในระดับหนึ่งนะครับ ถ้าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลอภัยวงศ์ท่านออกมาสั่งลูกหลานเองเช่นนี้ครับ"
“ติ่งส้ม” โปรดฟังอีกครั้งคนในตระกูลอภัยวงศ์ยืนยัน แดดดี้ส้มไม่ใช่ญาติ และ ทิม-พิธา ก็รับสภาพโพสต์นี้ "ไม่เนียน"จึงลบไปเรียบร้อย แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ถึงลบไปก็ยังมีคนจำได้ไม่ลืมแน่นอน
เช่นเดียวกันกับทั้งหลายทั้งปวงที่ “แดดดี้พิธา” เคยพูด เคยโพสต์อีกหลายต่อหลายกรณีแต่โดนถูกจับโป๊ะว่า "โกหก"นั่นแหละ
นี่เองจึงเป็นคำถามว่า ตัวตนของ “พิธา”ที่เป็นแบบนี้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เจ้าตัวใฝ่ฝันก็โดนคดีที่ตัวเอง และพรรคก้าวไกล ก่อไว้ทำลายความฝันซดแห้วไปแล้ว
ตำแหน่งท่านชายแห่งอัครมหาสถานก็โดนตระกูลอภัยวงศ์ยืนยันมั่นเหมาะว่า ไม่ใช่!!
ดูท่าเหลือทางที่จะเป็นไปของแดดดีัพิธา จะมีอยู่ไม่กี่ทาง ระหว่างรับเล่นละคร -ซีรีย์ หรือเอาดีเป็นนักแสดง ทั้งหน้าตา-ลีลาแอ๊กติ้ง เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แถมมีเพื่อนสนิทอยู่ในวงการมายาช่วยสอนช่วยติวให้
เชื่อว่าจะมี FC และ ติ่งส้ม ตามเห่อ ตามกรี๊ดๆๆๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ไม่ต้องหิวแสง หาแสงเหมือนทุกวันนี้ แสงจะลง มงจะมาเอง เผลอๆ บทในละคร ตกลงกับผู้จัดฯก็ได้ ให้ชงบท "นายกฯในละคร" ยิ่งดี ถ้าเล่นดี เล่นสมบทบาท "รางวัลตุ๊กตาทอง" จะไปไหนเสีย!...สนม๊ะแดดดี้พิธา
** ใช้คดี 112 อายัดตัวทักษิณ ก็แค่ อัยการจับมือราชทัณฑ์การละคร เบี่ยงเบนกระแสพักโทษ สุดท้ายก็ได้ประกันตัวกลับไปนอนบ้านอยู่ดี
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้รับการพักโทษ ให้กลับไปอยู่บ้านในวันที่ 18 ก.พ. หรืออย่างช้า 22 ก.พ.นี้
แต่แล้วเมื่อสองวันก่อน “ประยุทธ เพชรคุณ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ออกมาแถลงว่า แม้ “ทักษิณ” จะได้รับการพักโทษ แต่ยังมีอีกคดี คืออัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องเขาในความผิดตาม มาตรา 112 จากการให้สัมภาษณ์สื่อ ที่ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ต่อมาอัยการสูงสุด มีคำสั่งทางคดีเห็นควรสั่งฟ้อง เมื่อ 19 ก.ย.59 และล่าสุดได้มีหนังสือไปถึงราชทัณฑ์ ให้สั่ง “อายัดตัว” ทักษิณ ในคดีนี้ไว้แล้ว
จะว่าไปแล้ว ตามหลักอาชญาวิทยา เขาว่านี่คือ การย้ายความสนใจ หรือเบี่ยงประเด็นทางคดี จากที่ว่าทักษิณจะได้รับการพักโทษไปอยู่บ้านกับครอบครัว ลูกหลาน เป็นให้มีลุ้นว่า “ทักษิณ”อาจถูกควบคุมตัวต่อไป เพราะถูกอายัดตัวจากคดี 112
“สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า พนักงานสอบสวนและอัยการ เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อ 17 ม.ค.67 ที่ผ่านมา พร้อมเข้าสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การปฏิเสธ และยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ไปแล้ว
แต่ที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ ไม่เคยมีข่าวว่าพนักงานสอบสวน และอัยการ ไปพบ “ทักษิณ” เพื่อสอบปากคำ ที่ไหน เมื่อไร และ ทำไมถึงเพิ่งมาอายัดตัว
เรื่องนี้ “พิชิต ไชยมงคล” แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ที่กัดติด “เทวดาทักษิณ”มาตลอด เห็นว่าเป็นแค่ละคร ปาหี่ฉากหนึ่ง ที่อัยการ ตำรวจ ราชทัณฑ์ ร่วมกันจัดฉาก
17 ม.ค. พนักงานสอบสวนเข้าแจ้งข้อกล่าวหาทักษิณ แล้วทักษิณ ยื่นร้องขอความเป็นธรรมด้วยตัวเอง...ต่อมาสิ้นเดือนม.ค. ราชทัณฑ์พิจารณาพักโทษ จากนั้น 17-22 ก.พ. เข้าเกณฑ์พักโทษ ให้ปล่อยตัว
เมื่อปล่อยตัว อัยการ เข้าไปควบคุมตัวมาสอบสวนตามการขออายัดตัว แล้วสุดท้าย อัยการ ก็ให้ประกันตัวไปในชั้นอัยการ
เพราะอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็บอกมาแล้วว่า พนักงานสอบสวน และอัยการ ได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา และได้ทำการสอบสวนไปเรียบร้อยแล้ว
สุดท้าย “ทักษิณ” ก็ไม่ต้องเข้าเรือนจำ หรือถูกควบคุมตัวต่อไป เรื่องอายัดตัวในคดี 112 จึงเป็นแค่การเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมเท่านั้น
เช่นเดียวกับ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อพนักงานสอบสวนและอัยการ เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา และทำการสอบสวน ซึ่ง “ทักษิณ” ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยื่นร้องขอความเป็นธรรม ต่ออัยการสูงสุด ผลที่จะออกมามี 3 ทาง คือ
(1)สั่งสอบเพิ่ม ตามข้อเท็จจริงที่ยื่นเพิ่มเติม (2) คดีสมบูรณ์แล้ว สั่งฟ้องเหมือนเดิม (3) เมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่ยื่นมาใหม่ มีน้ำหนักเพียงพอ อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง
แต่โดยส่วนตัว “เทพไท” เชื่อว่า “ทักษิณ” จะไม่โดนอายัดตัว ไม่ถูกนำตัวไปขออนุญาตฝากขังที่ศาล จะได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องประกันตัว สำนักงานอัยการสูงสุดจะเปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว อัยการสูงสุดจะสั่งไม่ฟ้อง ถ้าจำเป็นต้องสั่งฟ้องตามกระแสกดดันก็จะรอดชั้นศาล สุดท้าย คดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ยุครัฐบาลคสช. ตอนนี้ยุครัฐบาลเพื่อไทย
ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในวันที่ “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษ จะถูกอายัดตัว ตามที่อัยการแจ้งไว้หรือไม่!!
