นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์แนะ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ควรขอขมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และทายาทตระกูลอภัยวงศ์ ชี้การแอบอ้างตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาในพระตะบอง กัมพูชา ไร้มารยาท ไร้ความเห็นใจ เอาบาดแผลทางประวัติศาสตร์สนองตัณหาตัวเอง หวังให้สาวกปลาบปลื้ม
วันนี้ (7 ก.พ.) เฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ของนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความหัวข้อ "พิธาควรขอขมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และทายาทตระกูลอภัยวงศ์" ถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า "การอ้างว่าตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาเมื่อแรกสร้าง เคยเป็นที่พำนัก “บ้านคุณยาย” นั้น หมายถึงคุณยายของคุณพิธาต้องเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลอภัยวงศ์เป็นอย่างดี และเป็นบรรพบุรุษของคนในตระกูลอภัยวงศ์สายใดสายหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าทายาทคนในตระกูลอภัยวงศ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จักคุณพิธาและไม่เคยนับเป็นเครือญาติ และคนในตระกูลเขามีรหัสประจำตัวเมื่อแรกเกิด คำถามที่ตามมาก็คือ คุณพิธามีคุณยายเป็นบรรพบุรุษในตระกูลนี้ แล้วคุณแม่ที่ชื่อ ลิลฎา นามสกุล อภัยวงศ์ ด้วยหรือไม่ และรหัสประจำตัวคุณพิธามีหมายเลขอะไร
การไม่ตอบคำถามคือการไม่แสดงความรับผิดชอบ ในฐานะผู้แทนราษฎรที่ชิงชัยในศึกเลือกตั้งแต่มีปัญหาเรื่อง “ปากมาก ปากมัน พูดสนุกปาก” เสมอมา
สังคมไทย คงไม่คาดหวังอะไร เพราะวาดหวังกับคนเยี่ยงนี้ไม่ได้
คุณพิธาพูดถึงตึกหลังงามศิลปะแบบโคโลเนียล ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงระยะเวลาที่สยามยังมีปัญหาหนักกับอินโดจีนฝรั่งเศส และเพิ่งเสียดินแดนที่อ้างว่าจะอาศัยพรมแดนธรรมชาติเป็นเส้นแบ่งเขตแดนสุดท้ายในอนุสัญญา ค.ศ. 1904
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงโทมนัสกับราชการงานเมืองที่ว่านี้ ทรงตระหนักถึงปัญหาในระบบการเมืองการปกครอง ทรงมีพระราชปณิธานอย่างวิริยอุตสาหะในการพัฒนาบ้านเมืองให้มีความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศ ทรงปฏิรูปการปกครองสร้างระบบมณฑลเทศาภิบาลขึ้นมาโดยหวังว่าเราจะไม่ต้องสูญเสียดินแดนให้อินโดจีนฝรั่งเศสหรืออังกฤษอีก
และบ้านคุณยายที่คุณพิธาอ้างนั้น ก็คือที่ทำการมณฑลเทศาภิบาลมณฑลบูรพา ซึ่งปกครองท้องที่สามเมืองใหญ่ คือ เสียมราฐ ศรีโสภณ และพระตะบอง ผมจึงไม่คิดว่าคุณพิธาจะกล้าดีแอบอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา
ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ก็ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวงที่จะอ้างคุณยาย ไปล้อเลียนท่านเจ้าของตึกหลังนี้ เพราะมันมีความหมายเป็นอนุสรณ์เตือนใจ แรกสร้างตึกหลังนี้เสร็จไม่เกิน 2 ปี สยามต้องเสียดินแดน 3 เมืองในมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศสตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1904 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและครอบครัวเป็นข้าราชการต่างพระเนตรพระกรรณทรงไว้วางพระราชหฤทัยได้ตัดสินใจที่จะเทครัวออกจากพระตะบองไปพำนักในดินแดนตอนในที่เมืองปราจีนบุรี สิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก็เสียประโยชน์โดยสิ้น ตึกที่สร้างขึ้นมาต้องมอบเป็นส่วนควบให้อินโดจีนฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมนำไปเป็นที่ทำการฟรีๆ
คุณพิธาเคยคิดไหมว่า ความสนุกปากกับมือที่เขียนเพื่อให้ได้แสงในครั้งนั้น มันเป็นความคิดอย่างไร้มารยาท ไม่มีความเห็นอกเห็นใจทายาทในตระกูลอภัยวงศ์ และเป็นการแอบอ้างนำเอาบาดแผลทางประวัติศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องสนองตัณหาความอยากดูดีของตนให้สาวกได้ปลาบปลื้ม
ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศรท่านจึงนำเอาแบบแปลนของตึกหลังนี้ไปสร้างที่เมืองปราจีนบุรีอีกครั้ง เพราะคงรักหวงแหนอาลัยต่อตึกหลังนี้ ตั้งใจมั่นให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงประทับ แต่ก็สวรรคตเสียก่อน
ผมจึงมองว่า คุณพิธาควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ สารภาพผิดในครั้งนี้ ประกาศขอขมาให้สาธารณชนได้ทราบต่อดวงวิญญาณท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเสีย…..
….จึงจะเรียกได้ว่าเป็นพ่อเทพบุตรจุติมาในโรงยี่เก!"