อีกแล้ว! “อัษฎางค์” นักประวัติศาสตร์ จับโป๊ะ “พิธา” โพสต์อ้าง ศาลากลางเก่าเมืองพระตะบอง “คุณยาย” อาศัยเกือบ 1 ศตวรรษ แต่ความจริง ตึกนี้ พระยาคทาธรธรณินทร์ สร้างเอาไว้ ยังไม่ทันได้อยู่ ก็ต้องย้ายกลับมาไทย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ก.พ. 67) เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ ด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“อีกแล้วหรือ!
ที่แท้พิธาเป็นลูกครึ่งเขมร!
สมเพชไม่ไหว
พิธาโพสต์ไว้จริงหรือไม่? เขาโพสต์จริงมั้ยว่า คุณยายของเขาอาศัยอยู่ที่ตึกนี้มาเมื่อเกือบ 1 ศตวรรษที่ผ่านมา
เพราะความจริงตึกนี้ คือ ศาลากลางเก่าเมืองพระตะบอง ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของพระยาคทาธรธรณินทร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) โดยท่านได้ว่าจ้างช่างชาวอิตาลีเข้ามาสร้างอาคารนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก เมื่อปี 2448 ทว่า ไม่มีโอกาสใช้งานเพราะกว่าจะแล้วเสร็จสยามก็ต้องยกดินแดนให้กับฝรั่งเศส
ปี พ.ศ. 2450 ในขณะที่ไทยมีกรณีพิพาทอินโดจีนกับประเทศฝรั่งเศส ต้องแลกมณฑลบูรพากับเมืองตราด ให้แก่ฝรั่งเศส ท่านตัดสินใจทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ ทั้งที่ฝรั่งเศสชวนท่านปกครองเมืองพระตะบองต่อ แต่ท่านกลับอพยพครอบครัวและบุตรหลานมาเป็นข้าราชการธรรมดา ลาออกมาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 ได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานนามสกุลแก่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) และผู้สืบเชื้อสายต่อจากนั้นไปว่า “อภัยวงศ์”
พิธา โพสต์ว่า คุณยายของเขาอาศัยอยู่ที่ตึกนี้มาเกือบ 1 ศตวรรษ แปลว่า คุณยายของพิธาเป็นคนเขมรหรือ งั้นพิธาก็เป็นลูกครึ่งเขมรด้วยละซิ เป็นตามที่เขมรเคลมเอาไว้จริงๆ หรือนี่ เพราะตึกนี้ พระยาคทาธรธรณินทร์ สร้างเอาไว้แต่ท่านเองก็ไม่ทันได้อยู่ต้องย้ายกลับมาไทยก่อนสร้างเสร็จ ผู้ที่อยู่ตึกนี้จึงเป็นคนเขมร
ส่วนถ้าจะบอกว่า พิธา อาจจะสับสนว่า คุณยายของพิธาน่าจะอยู่บ้านแฝดอีกหลังที่ปราจีนบุรี ก็ไม่น่าจะใช่อยู่ดี
เพราะตึกหน้าตาเกือบจะเป็นแฝดกันอีกหลังที่สร้างโดย เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ซึ่งท่านเป็นบุตรของพระยาคทาธรธรณินทร์) สร้างถวายในหลวง รัชกาลที่ 5 และท่านเจ้าของตึกเองยังไม่เคยใช้หรืออาศัยที่ตึกนี้เลย ยายของพิธาเป็นใครถึงเคยอยู่อาศัยที่ตึกนี้
ต้นตระกูล อภัยวงศ์ สร้างอาคารที่งดงามขึ้นถึง 2 อาคารในพระตะบองและปราจีนบุรี แต่ไม่ได้ใช้ หรือไม่ได้อยู่อาศัยทั้ง 2 อาคารนั้นเลย แปลกแต่จริง
แต่อยู่ดีๆ มีนักการเมืองที่มักพูดความจริงไม่ตรงกัน อ้างว่าเป็น “บ้านเก่าคุณยายของตน” โอ้ละพ่อ
แต่ละเรื่องที่เพ้อ
ป่วยก็ไปหาหมอซะ”
ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความอีกว่า
“พิธา…คนที่มักพูดเรื่องเดียวกัน ในเวลาที่ต่างกัน ไม่เหมือนกัน”
เริ่มจาก….กลับมางานศพพ่อไม่ทัน
ภายหลัง…..กลับมาทันงานศพพ่อ และโดนกักตัว
เริ่มจาก….ติดสติกเกอร์ยกเลิก 112
ภายหลัง…ยังไม่ขอยกเลิก แต่ขอแก้ไข 112 ก่อน
เริ่มจาก….ถูกส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ตอนอายุ 11 (ชั้นประถม)
ภายหลัง….จริงๆ ไปเรียนที่นิวซีแลนด์หลังจากจบมัธยมต้น
เริ่มจาก…เสนอร่างแก้ไข ม.122 โดยแยกประเภทความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากเรื่องความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ภายหลัง…ไปฟ้องสื่อต่างประเทศว่า “เราไม่ได้มุ่งหวังจะแบ่งแยกสถาบันกษัตริย์ออกจากความมั่นคงของชาติ”
เริ่มต้น…โชว์ภาพจวนเจ้าเมืองพระตะบอง โดยบอกว่า เป็นบ้านเก่าของคุณยาย
ภายหลัง…ต้องรอดูว่า เรื่องล่าสุดนี้ จะมาพริ้วว่าอะไร
คนที่พูดเรื่องเดียวกัน ในเวลาที่ต่างกัน ไม่ตรงกัน นั้นเรียกว่า คนขี้โกหก ปลิ้นปล้อน หลอกลวง
คนแบบนี้หรือ ที่เป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ ที่อยากให้มาเปลี่ยนแปลงประเทศ
คนที่โกหกไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไปถึงเรื่องใหญ่ๆ
น้องๆ หนูๆ ไม่เอะใจคิดกันบ้างหรือว่า คนขี้โกหก จะมีอะไรที่เหลือเป็นความจริงบ้าง เช่น คำที่บอกว่าจะมาพัฒนาชาติไทย จะทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี นั้นมันจะไม่ใช่เรื่องโกหกอีกเรื่อง
รวมทั้งเรื่อง ปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อให้สถาบันฯ คงอยู่ต่อไป ก็เป็นอีกเรื่องที่โกหกไปเรื่อยๆ
สื่อต่างประเทศที่เป็นเครือข่ายที่หวังครอบงำการเมืองไทย ก็อวยไส้แตกว่า เป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลของโลก
อยากถามว่า ไม่อยากรับไปเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันบ้างหรือ อวยกันไม่มียางอายได้ขนาดนี้
สมเพชไม่ไหวจริงๆ
ป่วยก็ไปหาหมอเถอะ ญาติๆ ทนดูเขาทำเรื่องขายหน้าวงศ์ตระกูลอยู่ได้ยังไง”