xs
xsm
sm
md
lg

“รองผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ” กับพฤติกรรมลุแก่อำนาจกดขี่ตำรวจด้วยกันที่ “บิ๊กต่อ” ต้องงดเฟรนด์ลี่ ออกคำสั่งห้ามเรียก **ก้าวไกลตีชิ่ง “ตะวัน” หลังกระแสสังคมประณามพฤติกรรมป่วนขบวนเสด็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “รองผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ” กับพฤติกรรมลุแก่อำนาจกดขี่ตำรวจด้วยกันที่ “บิ๊กต่อ” ต้องงดเฟรนด์ลี่ ออกคำสั่งห้ามเรียก

เกิดอะไรขึ้นหลังจาก “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีหลังสือคำสั่ง ด่วนที่สุด ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช.ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือ ตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง งดเว้นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สน.,สภ. หรือ บก., ภ.จว. มาศึกษาดูงาน ฝึกงาน หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีความจำเป็น และหากมีความจำเป็นให้ขออนุญาตต่อ ผบ.ตร. ก่อนการสั่งการทุกครั้ง

ปรากฏว่า กำลังพลตำรวจเฮกันทั้งประเทศ

ถามกันว่า ทำไมจึงดีอกดีใจยกใหญ่ กับคำสั่งของ “บิ๊กต่อ”ก็เพราะคำสั่งนี้ช่วย “คืนความสุข” ให้พวกเขานั่นเอง

แม้ในคำสั่งจาก ผบ.ตร. ส่งถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช.ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือ ตำแหน่งเทียบเท่า ไม่ได้หมายถึงใครเป็นพิเศษ แต่ก็รู้ๆ กันในรั้วปทุมวันว่า คำสั่งนี้ออกมาเพื่อป้องปรามพฤติกรรมของ “รอง ผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ” ซึ่งคุณก็รู้ว่าเป็นใคร? โดยเฉพาะ

ตำรวจน้อยใหญ่ที่เคยเจอมากับตัวบอกเป็นเสียงเดียวกัน ทนมานาน อึดอัดขับข้องใจ หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้ใม่ได้มากว่า 2 ปีกับการกระทำของ “รอง ผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ” ที่แสดงอำนาจสะกดข่มผู้ใต้บังคับบัญชา ประเดี๋ยวเรียกๆ ๆ ตำรวจทั่วทุกสารทิศไม่สนเวล่ำเวลาให้เดินทางเข้ากทม. โดยอ้างเรื่องงาน มาประชุมบ้าง มาเข้าพบบ้าง

สถานที่ที่เรียกตำรวจเข้ามาก็ยึดเอา “สโมสรตำรวจ” ทำเป็น สตช.สาขา 2 เพื่อบ่งบอกอาณาจักรของตนเอง

ว่ากันว่า เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาที่ รอง ผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ ยึดครองสโมสรตำรวจ บรรดาอีเวนต์ที่เคยมาใช้บริการสโมสร อาทิ งานสัมมนา งานแต่ง ลดลงไปมาก เพราะตกกะใจกับกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกเรียกมากองรวมไว้ที่สโมสรเต็มไปหมด

พฤติการณ์การเรียกตำรวจมากองรวมที่ สตช.สาขา 2 ว่ากันว่า กลุ่มลูกน้องคนสนิทของรองผบ.ตร.หวานเจี๊ยบจะทำหน้าที่ชงให้นาย แต่ละวันมีตำรวจนับร้อย ถูกสั่งให้เข้ามา โดยการสั่งตรงข้ามหัว กองบัญชาการ กองบังคับการพื้นที่ ซึ่งความจริงก็สามารถจัดการกันเองได้อยู่แล้ว

ส่วนการสั่ง จะให้นายเวรโทรทางวาจา ไม่มีบันทึกเป็นหนังสือ ซึ่งเชื่อว่า เป็นการป้องกันตัวเองหากจะมีปัญหาเกิดขึ้นตอนหลัง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
งานนี้ จากปากคำตำรวจที่ถูกเรียกตัวมา บางคนต้องมารอ ข้ามวัน ข้ามคืน นั่นหมายความว่า คนที่อยู่จังหวัดที่มาไกลๆ ต้องหาที่พัก และจ่ายค่าอาหารเอาเอง งบไม่มีให้เบิกต้องควักกระเป๋าเอง

ตำรวจที่อยู่ไม่ไกลนัก แม้จะพอขับรถมาเองได้ต้องมารอแต่เช้าเพื่อลงชื่อให้ลูกน้องท่านรองฯคนสั่งถ่ายรูปส่งรายงานว่ามาแล้ว จากนั้นก็สั่งให้รอ และถ้าไม่ได้พบท่านก็ต้องขับรถกลับไปต้องดูแลพื้นที่ต่อ พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ต้องมาใหม่ที่สโมสรอีก เพื่อเจอทั่นรองแทบไม่ได้พักผ่อนจึงเกิดความเครียดและกดดันเป็นอย่างมาก

ว่ากันว่า เคสที่เป็นตัวอย่างเล่าขานอย่างเศร้าใจในหมู่ตำรวจมาถึงทุกวันนี้ มีบางรายขับรถไป-กลับต่างจังหวัด-กทม. เครียดและกดดันจนเกิดอาการโรคหัวใจเฉียบพลันเสียชีวิตระหว่างรอที่สโมสรตำรวจ!

การทรมาน คือการรอคอยฉันใด ตำรวจที่ถูกเรียกทรมานยิ่งกว่า เมื่อมาถึงสโมสรเหมือนการมารายงานตัวต่อท่านรองฯ แต่ทีมงานจะบอกให้รอ กำหนัดนัดจริง 09.00 น แต่กว่าจะได้พบ 3 -4 ทุ่มหรือข้ามวันไปเลย ถ้าโชคร้ายถูกเรียกมาเพื่อกลั่นแกล้ง ก็มีที่ต้องรอไป 3-4 วัน

ครั้นได้เจอ รอง ผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ หลายคนงงงวยไม่เข้าใจ เพราะ ประเด็นพูดคุยสั่งการเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ยกหูหรือ ประชุมวีดีโอคอนฯได้ ทำไมไม่ทำ เทคโนโลยีสมัยนี้ก็เอื้ออำนวยให้ แต่เพียงเพราะต้องการแสดงอำนาจ และ พอเจอหน้าก็เปิดเครื่องด่าๆ หาเรื่องตำหนิ แล้วไล่กลับ

แน่นอนว่า ความเครียดและกดดันตกอยู่กับกำลังพล ที่ทนได้ก็ทนไป ที่ทนไม่ไหวขอลาออกจากอาชีพที่รักก็มีน่าเห็นใจตำรวจดีๆที่ตัดสินใจลาออกด้วยเหตุที่รับไม่ได้กับการสร้างความกลัวให้เกิดในหมู่ตำรวจแบบนี้

ถามว่า กิตติศัพท์นี้ รู้ถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับบนๆในสตช.หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า รู้แต่ก็ปล่อยผ่าน

ฟังว่า “ผบ.ตร.ต่อศักดิ์” เคยเรียกเจ้าตัวมาบอกกล่าว แต่ รองผบ.ตร.หวานเจี๊ยบ โนสน โนแคร์ เพราะเคยชินความลุอำนาจมานาน ประกอบกับ “บิ๊กต่อ” เฟรนด์ลี่ จึงไม่กลัวมองไม่เห็นหัว

สุดท้าย เมื่อ ผบ.ตร ต่อ แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ออกคำสั่งจึงเป็นที่มาให้ตำรวจทั้งประเทศได้เฮด้วยประการฉะนี้แล.

**ก้าวไกลตีชิ่ง “ตะวัน” หลังกระแสสังคมประณามพฤติกรรมป่วนขบวนเสด็จ

ทานตะวัน ตัวตุลานนท์
กรณี “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หนึ่งในสมาชิก “กลุ่มทะลุวัง” ปฏิบัติการก่อกวนขบวนเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ โดยพยายามขับรถเข้าตามติดขบวนเสด็จ และบีบแตรยาวไล่ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่อารักขาขบวนเสด็จสกัดไว้ก็เกิดการปะทุคารมใส่เจ้าหน้าที่ เมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ขรมเมือง เพราะรู้สึกว่ามันล้ำเส้น มันเกินไปจริงๆ

ไม่กี่วันถัดมา “ตะวัน” และกลุ่มทะลุวัง ยังไปเคลื่อนไหวทำโพลเกี่ยวกับขบวนเสด็จที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สยาม จนเกิดการกระทบกระทั่ง และปะทะกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

แน่นอนการเคลื่อนไหวของ “ตะวัน”และกลุ่มทะลุวัง ย่อมถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับการเมือง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ที่เพิ่งจะโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกล ที่เอาการแก้มาตรา 112 มาเป็นนโยบายพรรค ในการหาเสียงเลือกตั้ง ว่า เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งการให้ "เลิกการกระทำ" เลิกการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขมาตรา112 ด้วย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ยิ่งย้อนไปดูความสัมพันธ์ ของ“ตะวัน” กับ “พิธา” ในช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น พิธา เคยใช้ตำแหน่งสส.ประกันตัว ตะวัน ที่ต้องคดี 112 เคยให้กำลังใจ “ตะวัน และแบม” ระหว่างการอภิปรายในสภาฯว่า "ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวัน และคุณแบม ผมมองตาตะวัน แล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น"

ล่าสุดมีผู้ขุดจดหมายของพิธาที่เขียนถึงตะวันและแบม ช่วงที่อยู่ในคุก มีใจความตอนหนึ่งว่า ... "ผมขอคารวะหัวจิตหัวใจความกล้าหาญของทั้งคู่มาก ผมเองละอายใจ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สังคมได้ลืมตาตื่นขึ้น เห็นถึงความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่เพราะผม เพราะพรรคก้าวไกล พวกเราทำน้อยเกินไป พวกคุณคือคนผลักดันสังคมมาถึงจุดนี้ "

"ภารกิจในส่วนของคุณสำเร็จแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของพวกเรา และพรรคก้าวไกล เราจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จด้วยกัน และผมต้องการให้คุณอยู่ร่วมฉลองชัยชนะ ของประชาชนร่วมกับเราทุกคน"...

แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้ผู้คนนึกถึงความผูกโยงระหว่าง “กลุ่มทะลุวัง”กับ พิธา และ พรรคก้าวไกล ได้อย่างไร!!

แต่หลังจาก “ตะวัน” ป่วนขบวนเสด็จ กระแสสังคมมีการต่อต้านแรงมาก เมื่อ “พิธา” ถูกถามหาความรับผิดชอบจากที่เคยเป็นนายประกัน กลับได้คำตอบว่า เรื่องประกัน กับการเคลื่อนไหวของตะวัน เป็นคนละส่วนกัน ว่าแล้วก็ตีกรรเชียงเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
หรืออย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พูดชัด ซัดเปรี้ยงว่า การที่มีบุคคลใดเข้าไปรบกวน กระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ดำเนินการตามมาตรฐานของรัฐ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง!!... และทิ้งท้ายว่า ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกเรื่อง ในบางเรื่องที่เห็นต่าง ก็ควรจะต้องบอกกันตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ถึงจะเป็นความปรารถนาดีที่แท้จริง!!

ขณะที่ “เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล มีความเห็นถึงเรื่องนี้ในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ ว่า การกระทำของ “ตะวัน”นั้นถือว่าเป็นการแสดงออกตามสิทธิ และเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หมิ่นเหม่ที่จะละเมิดข้อกำหนดในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ อีกทั้งยังได้สร้างความไม่สบายใจให้กับหลายท่านในสังคม เราจึงขอย้ำเตือนถึงการแสดงออกที่เหมาะสม และควรแก่เหตุ แต่เรายังคงยืนยันในหลักการคนเท่ากัน และเราก็ยังยืนยันให้หลักการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดเช่นกัน

รังสิมันต์ โรม
ส่วน“โรม” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่สังคมมองว่า พรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มทะลุวัง” ในปฏิบัติการครั้งนี้ “โรม”เล่นบทนักกฎหมายทันที ถามหาหลักฐานว่า มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง

“โรม”ว่าในอดีตอาจจะมี ส.ส.ไปประกันตัว หรือ เป็นนายประกันให้ แต่ต้องแยกออกจากการที่เขาขับเคลื่อน เหตุผลที่เราไปเป็นนายประกันให้คือ สามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงให้สิทธิ์เขาในการต่อสู้คดี ไม่ได้หมายความว่า คนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำนั้น

การเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆ กับพรรคก้าวไกล อาจจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวัง และต้องการดิสเครดิต กลุ่มทะลุวัง และต้องการทำลายพรรคก้าวไกลด้วย

“ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใคร และใครก็ไม่มาอยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกล ก็คือพรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืน ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เราเชื่อในศักยภาพในการแสดงออก ส่วนเมื่อเขาแสดงออกไปแล้ว จะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงความคิดเห็นได้ แต่จุดยืนของพรรคก้าวไกล คือ เราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ในการแสดงออกแบบนั้น”

เรื่องตะวันป่วนขบวนเสด็จ นี้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. บอกว่า กลุ่มทะลุวัง ไม่ได้ออกมาเอง แต่มีขบวนการที่อยู่เบื้องหลัง ขอเวลาอีก 2 วัน จะได้เห็นว่าตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาใคร และจะมีหมายจับต่อไป มีแน่นอน

ต้องติดตามดูว่า คนที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา และมีหมายจับ ตามที่ผบ.ตร.บอกนั้น จะมีความสัมพันธ์ เกี่ยวโยง หรือเป็นคนของพรรคก้าวไกลหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น