อดีต ส.ส.ปชป. ยื่นร้อง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน ตรวจสอบ “เรืองไกร” ปมที่มา “รถเบนซ์ 2 คัน-เช็ค 25 ล้าน” เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
วันที่ 7 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยื่นหนังสือถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบสวนจริยธรรมร้ายแรง กับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่ง นายเรืองไกร เป็น กมธ.งบฯ มาตั้งแต่ปี 63, 65, 66 และ 67 ก่อนหน้านี้ นายเรืองไกร ได้โพสต์ภาพ และข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้รับรถเบนซ์ 2 คัน สีดำ และสีขาว อ้างว่าผู้ใหญ่ใจดีให้มา และในวันที่โพสต์ภาพรถเบนซ์ดังกล่าว ก็เป็นวันที่มีการประชุม กมธ.งบฯ พอดี ซึ่งตนได้ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มากว่า 1 ปี 6 เดือนแล้ว และทราบว่า นายเรืองไกร จดทะเบียนครอบครองรถเบนซ์สีดำ 1 คัน ส่วนสีขาวไม่มีการระบุว่าใครเป็นผู้ครอบครอง จึงขอให้สืบสวนเรื่องนี้ต่อไป
นายวัชระ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาท ที่มีการสั่งจ่ายให้กับนายเรืองไกร เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 64 ที่นายเรืองไกร ได้มีการโพสต์เช่นกันนั้น เป็นที่น่าสงสัยว่า นายเรืองไกร ได้รับเช็คดังกล่าว เป็นค่าอะไร จากผู้ใด โดยในกรณีนี้ นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ได้ร้องต่อ ป.ป.ช. ผ่านมา 2 ปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 กรณีนายเรืองไกรได้ลบเฟซบุกออกไปแล้ว ดังนั้น ในฐานะที่นายเรืองไกร เป็นหนึ่งในผู้พิจารณางบประมาณประเทศ ปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท และถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องมีความโปร่งใส ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม
“นายเรืองไกร ไล่ตรวจสอบ 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล อย่างรวดเร็ว จึงอยากให้ ป.ป.ช.เร่งสรุปแคชเชียร์เช็คจำนวน 25 ล้านบาทและรถเบนซ์ทั้ง 2 คัน ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยหรือไม่” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริง จึงมีเหตุอันสงสัยว่า นายเรืองไกร ได้รับทรัพย์สินจากการเป็น กมธ. ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยตนจะไปยื่นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.พ.นี้ เพราะการเป็น กมธ. และเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ทำให้การกระทำใดๆ หรือการรับทรัพย์ สิ่งของใดๆ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ต้องเป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการทุกประการ และถ้านายเรืองไกรมีจิตสำนึก ก็ควรลาออกจาก กมธ.งบฯ
“ส่วนเหตุผลว่า ทำไมจึงมาร้องในตอนนี้นั้น เนื่องจากนายเรืองไกรได้ทำการปิดเฟซบุ๊กของตัวเอง จึงถือเป็นการปกปิดหลักฐาน เพราะนายวีระได้นำโพสต์ดังกล่าวไปโพสต์ต่อ แต่นายเรืองไกรก็ไม่ได้ฟ้องร้องแต่อย่างใด เท่ากับยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ทั้ง 2 กรณีข้างต้น ต้องมีที่มาและที่ไป หาก นายเรืองไกร อ้างว่า เป็นค่าจ้าง คือค่าจ้างอะไร ตนในฐานะประชาชน และผู้เสียภาษี มีสิทธิ์สงสัยในตัวและพฤติการณ์ของนายเรืองไกร เช่นเดียวกับที่นายเรืองไกรสงสัยและยื่นสอบนักการเมืองทั้งสภา อยู่ในขณะนี้” นายวัชระ กล่าว
เมื่อถามว่า สภาจะสามารถถอดถอนนายเรืองไกรได้หรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ต้องสอบถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เหตุใดจึงตั้งนายเรืองไกรเป็น กมธ. และการตั้งนายเรืองไกร ชอบด้วยจริยธรรมทางการเมืองหรือไม่