รองนายกฯ มอบแนวทางอนุกมธ.งบฯ เน้นทำงานร่วมกัน ยึดประโยชน์ปชช.เป็นหลัก แนะตัดงบอิงสถานการณ์ปัจจุบัน ยึดกรอบรธน. ม.144 เป็นหลัก ปัดตั้งอนุฯตามรายกระทรวงหวังปกป้องงบกระทรวง เพราะสุดท้ายต้องผ่านกมธ.ชุดใหญ่ ตั้งเป้าเร่งปิดจ็อบให้เสร็จก่อนกรอบเวลาอย่างน้อย 15 วัน
วันนี้ (2ก.พ.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี67 กล่าวหลังการประชุมกมธ.งบฯ ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้ง คณะอนุกรรมการขึ้นมา 9 ชุด ชุดละ10 คน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย และในวันนี้ได้ให้อนุกรรมการต่างๆเริ่มประชุม พร้อมขอให้เข้าประชุมกมธ.งบชุดใหญ่ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการประชุมวันนี้ได้ให้แนวทาง ว่า การพิจารณางบนั้นควรจะเป็นกรอบเดียว และหาข้อสรุปร่วมกัน และได้บอกว่า เราไม่ได้ทำงานให้กับฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ เพื่อจะได้ร่วมมือกันทำงานด้วยดี แต่ยอมรับว่ามีความเห็นที่แตกต่าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน และทำให้มองประเด็นได้รอบด้านมากขึ้น ซึ่งตนมองว่าหากมีความเห็นที่แตกต่างในที่ประชุม ก็ไม่อยากให้ใช้วิธียกมือเอาความคิดใดเป็นหลัก อยากให้คุยหาข้อสรุป เข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า ให้ยึดเรื่องนี้เป็นแนวทาง
นอกจากนี้ยังมีการเชิญข้าราชการกระทรวง และกรมต่างๆมา ซึ่งล้วนมีความอาวุโสและมีประสบการณ์ ดังนั้นคำถามต่างๆต้องสั้นกระชับ และได้ใจความตรงประเด็น รวมถึงให้เกียรติทุกคนในการถามคำถามเพื่อเข้าถึงข้อมูล สิ่งสำคัญคือ เรามีหน้าที่ดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด เราทำงานกับงบปี67ในภาวะที่ไม่ปกติ จึงอยากให้รีบทำเพราะรัฐบาลได้ทำโครงสร้างพื้นฐานประกอบคิดไว้แล้ว หากใช้งบส่วนนี้ได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน
ส่วนการปรับลดงบประมาณได้กำชับให้ดูว่าโครงการที่เสนอมาสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แม้จะเป็นโครงการที่คิดมาดีแล้ว แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนก็สามารถปรับลดงบประมาณลงได้ และย้ำว่าการพิจารณานั้นต้องเคร่งครัดกับกรอบกฎหมายโดย รัฐธรรมนูญมาตรา 144 ต้องไม่ไปก้าวล่วงหรือเกี่ยวข้อง
“วันนี้เราใช้วิธีการใหม่ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเดิมเราใช้แบ่งภาพรวม ซึ่งทำให้มีปัญหาว่าหน่วยราชการทำงานหนักต้องวิ่งไปวิ่งมาจนลำบาก จึงใช้วิธีรวมเป็นรายมาตรา ทำให้แต่ละกระทรวงสามารถชี้แจงจบได้ภายใน1-2วัน หากได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็จะเป็นแนวทางในอนาคต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเร็วที่สุด แต่หากไม่เป็นอย่างที่หวังก็พร้อมที่จะกลับไปใช้ระบบเดิม”
เมื่อถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งคณะอนุกมธ. ตามรายกระทรวงนั้น เป็นการปกป้องงบของกระทรวงตนเอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ปกป้องไม่ได้ เพราะคณะกรรมการวิสามัญชุดใหญ่ มาจากทุกภาคส่วนทางการเมือง สุดท้ายแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง คณะกรรมการวิสามัญชุดใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ตัดสินใจอยู่ดี อย่ากังวลเกินไป การที่เราเชิญบุคคลภายนอกมาก็ดี หรือตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองก็ดี ล้วนช่วยให้การดำเนินงานคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น หากตั้งใจจะทำเพื่อเอื้อประโยชน์เช่นนั้น อยู่ตรงไหนก็ทำได้ เจตนาแบบนี้สามารถแฝงไปได้ทั้งนั้น วันนี้เราเปิดเผยต่อสาธารณะ เปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่เป็นตัวแทนมาจากทุกพรรคการเมืองอยู่แล้ว
“ขณะนี้เราดำเนินการมา 17 วัน ภายในกรอบระยะเวลา 105 วัน โดยพยายามจะทำให้เสร็จก่อนอย่างน้อย 15 วัน หรืออาจเร็วกว่านั้นหากทุกอย่างเดินไปด้วยดี เพราะหากรีบทำให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดก็จะมีงบประมาณ เพื่อไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เร็วที่สุด”นายภูมิธรรมกล่าว