เมืองไทย 360 องศา
ตอนแรกก็รู้สึกแบบมีสองอารมณ์ปนเปกันไปกับการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลาพักในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้
คือตั้งแต่วันที่ 19-22 ธันวาคมนี้ โดยอ้างว่าต้องการพักผ่อนหลังจากทำงานแบบไม่ได้หยุดพัก รวมไปถึงจะได้ดูแลแม่ที่มีอายุมากแล้ว และอยู่กับครอบครัวลูกเมีย
“หลายท่านก็ทราบว่า คุณแม่ของผมอายุ 96 ปี ซึ่งก็อายุมากแล้ว และลูกทั้งสองคนก็จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เจอกันมานานก็จะพาไปเที่ยวเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร แต่อย่างไรก็ติดต่อกันได้ตลอด เพราะถึงแม้จะพักร้อน ก็ยังทำงานตลอด ขอไปพักผ่อนบ้าง”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงจะไม่ได้มอนิเตอร์งาน แต่ก็มีทีมงาน ยังตามมาเจออยู่ดี ไม่ต้องห่วง โลกสมัยนี้หากมีมือถือก็สามารถทำงานได้ตลอด ทำงาน 24 ชม. ไม่มีวันหยุด ถือเป็นภาระของผู้นำประเทศที่ต้องแบกไว้ เพียงอาจต้องมีบางช่วงที่ต้องพักผ่อนบ้าง โดยขอให้สื่อมวลชนสบายใจ ไม่ได้หนีไปไหน หากมีประเด็นอะไรก็โทรศัพท์ติดต่อได้
นายกรัฐมนตรียังขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังมองว่า ทำงานหนักมากในช่วงนี้ แต่มันเป็นหน้าที่ พร้อมยืนยันว่า ไม่เป็นอะไร มีเวลานอน 6-7 ชม. ออกกำลังกายบ้างนิดหน่อย มีทีมงานที่ดีเวลาทานข้าวก็หัวเราะกันได้บ้างไม่เป็นไร ก่อนย้ำว่า เป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไร
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันให้ละเอียดก็อาจจะเห็น “ความบังเอิญ” บางอย่าง หรือแม้แต่การสังเกตเห็น “พิรุธ” โดยเฉพาะหากมีการปะติดปะต่อบางเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาลาพักพอดี
เช่น ในช่วงระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคมดังกล่าวนั้น มีการคาดหมายกันว่า นายทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่ากำลังป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจะครบกำหนด 120 วัน ซึ่งจะต้องมีการรายงานไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่จับตากันอีกว่า อาจจะมีการ “ย้ายที่คุมขังไปนอกเรือนจำที่อื่น” ซึ่งก็คือ ย้ายไป “นอนที่บ้าน” นั่นเอง เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ มีการออกระเบียบใหม่เปิดทางให้แล้ว โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลทันที
ทำให้มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นไปได้สูงมากที่ จะมีการ “ย้ายนักโทษเทวดา” คนนี้ออกจากโรงพยาบาลตำรวจก่อนครบกำหนด 120 วัน เพื่อให้อยู่ในอำนาจของ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นการตัดตอนก่อนถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมไปถึง นายกรัฐมนตรี
แม้ว่าในความเป็นจริงมันต้องรายงานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจไม่ต้องมีธุรการทางราชการในเรื่องแบบนี้ออกมา
หากพิจารณาในช่วงวัน เวลา ช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลาพักร้อน หรือว่าลาพักอะไรก็ว่ากันไป เพราะเมื่อดูตามเหตุผลที่เขาเคยประกาศว่า “ทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันพัก” ก็ตาม แต่อยู่ๆก็มาลาพัก ทั้งที่จะว่าไปแล้วเพิ่งรับตำแหน่งนายกฯ และทำงานมาแค่สามเดือนกว่าเอง
ทำไมถึงต้องลาพักยาวขนาดนั้น ดูแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผล เหมือนกับมีอาการ “ชิ่ง” หรือ ไม่รับรู้ หรือแม้แต่ การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เกิดการ “กระเพื่อม” เพิ่มขึ้นไปอีก อะไรประมาณนั้น
อาการสงสัยว่า ในช่วงปลายเดือนธันวาคม จะมีการย้ายที่คุมขังของ นายทักษิณ ชินวัตร จากโรงพยาบาลตำรวจ มาคุมขังที่บ้าน หรือเรียกว่า “ปล่อยตัว” นั่นแหละ มีการพูดถึงกันมานาน
เพราะเชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะได้มาฉลองปีใหม่กับลูกหลาน ซึ่งสังคมส่วนใหญ่เชื่อ และรับรู้มานานแล้ว
ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ระบุให้จับตาการลาพักร้อนของ นายเศรษฐา ทวีสิน เพราะอาจมีนัยการเมืองเพื่อต้องการหลีกหนีการรับรู้ในสถานการณ์นักโทษชั้น 14 อยู่ครบ 120 วัน และจะแปรเปลี่ยนให้ไปคุมขังที่บ้าน
นายจตุพร กล่าวว่า นายเศรษฐา ลาพักร้อนเป็นช่วงตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 19 ธันวาคม 66 จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะคาบเกี่ยวกับนักโทษชั้น 14 อยู่ รพ.ตำรวจ ครบ 120 วันในวันที่ 22 ธันวาคม 66 ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับรู้กันตามลำดับ ตั้งแต่กรมราชทัณฑ์ ไปถึงปลัดกระทรวง กระทั่งไปสู่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้รับทราบด้วย
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนถึง 22 ธันวาคม 66 หรือก่อนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจครบ 120 วันคณะกรรมการที่ รองอธิบดีราชทัณฑ์ เป็นประธานตามระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ อาจมีมติให้นักโทษทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านได้ เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องหลีกเลี่ยงรายงาน 120 วันก็เป็นได้
ดังนั้น นายกฯ จึงลาพักร้อนในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ คงไม่ต้องการรับรู้รับทราบการรายงาน 120 วัน และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านก็ได้
“จังหวะและช่วงเวลาลาพักร้อน (19-24 ธ.ค.) ของนายกฯ จึงไม่ธรรมดา จัดเป็นลีลาการเมืองแพรวพราว เพราะคงไม่ต้องการรับรู้การตัดสินใจให้ทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปเป็นคุมขังอยู่บ้านได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า คงเป็นดีลหนึ่งในยุทธการฟ้าใสให้กลับบ้าน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนจะว่าอย่างไร”
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ประชาชนจะยอมให้กระบวนการยุติธรรมถูกกระทำย่ำยีจนสูญสิ้นความยุติธรรมกันหรือเปล่า เพราะต่อไปคำพิพากษาของศาลจะไม่มีความหมายในคดีทุจริตคอร์รัปชัน เนื่องจากระเบียบราชทัณฑ์ได้เปิดประตูให้คุมขังนอกเรือนจำได้
“อะไรก็ตามถ้าไม่เดินตรงไปตรงมา ย่อมมีร่องรอยทิ้งไว้ให้เห็นเส้นทางทั้งหมดว่ามีเป้าประสงค์เช่นไร (กับการเร่งรีบออกระเบียบราชทัณฑ์เมื่อ 6 ธ.ค. 66) อย่างไรก็ตาม (นักโทษทักษิณ) ถ้าอยู่ในเรือนจำสามารถให้เหตุผลล้นคุกได้ แต่อยู่ รพ.จึงไม่เข้าเหตุเป็นนักโทษล้นคุก” นายจตุพร ระบุ
ดังนั้นหากพิจารณาทั้งช่วงจังหวะเวลาที่คาบลูกคาบดอกแบบนี้ ทำให้ค่อนข้างน่าเชื่อว่า การลาพักของ นายเศรษฐา ทวีสิน น่าจะเกี่ยวข้องกับ “ย้ายที่คุมขัง” ซึ่งก็คือการ “ปล่อยตัว” นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาอยู่บ้าน เพราะทุกอย่างเหมือนกับการวางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่ามันยังมีร่องรอยให้เห็นจนจับพิรุธได้ไม่ยากนั่นเอง !!