คปท.บุกกระทรวงยุติธรรม ค้านให้ “ทักษิณ” อยู่ รพ.ตำรวจ ต่อ จี้รัฐมนตรีตอบ ทำไมยังไม่ส่งตัวกลับเรือนจำ หลังรักษาตัวใกล้ครบ 90 วัน โดยสังคมยังไม่รู้รายละเอียดป่วยด้วยโรคอะไร เตือนระวังเป็นตราบาปรัฐมนตรี ทำลายระบบยุติธรรมเสียเอง ขู่ปักหลักค้างคืน หากไม่ได้รับคำตอบ
วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 10:00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล พร้อมด้วย นายนัสเซอร์ ยีหมะ จัดกิจกรรมปราศรัยที่หน้ากระทรวง เพื่อขอเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทวงถามรายละเอียดกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจก่อนจะครบ 90 วัน
นายพิชิต กล่าวปราศรัยในตอนหนึ่ง ว่า การรักษาตัวของนายทักษิณ จะครบ 90 วัน ในวันจันทร์นี้ ซึ่งรัฐมนตรียุติธรรมยังมีเวลาในการพิจารณาเซ็นเอกสารให้ส่งตัวนายทักษิณเข้าเรือนจำ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมาขอเข้าพบรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมย้ำว่า รัฐมนตรีต้องให้เหตุผลอธิบายให้ได้ว่าทำไมยังคงนายทักษิณรักษาตัวอยู่ต่อ
นายพิชิต กล่าวต่อว่า กรณีของนายทักษิณ จะเป็นตราบาปของรัฐมนตรียุติธรรมที่จะต้องแก้ไข และคืนความเป็นธรรมให้กับคำตัดสินของศาลว่านายทักษิณจะต้องติดคุก โดยยกกรณีของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด ที่หนีออกจากโรงพยาบาล ตำรวจใช้งบประมาณและกำลังพลเป็นจำนวนมากในการตามหา ส่วนนายทักษิณที่นอนอยู่ รพ.ตำรวจ ก็ใช้งบหลวงมากเช่นเดียวกัน
“85 วัน ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อยู่โรงพยาบาลตำรวจ รักษาด้วยโรคอะไร ป่วยเป็นโรคอะไร ผ่าตัดอะไร สังคมไม่เคยรับรู้ สังคมเห็นแค่ว่านายทักษิณนอนอยู่บนเตียง และเข็นออกมาโชว์เท่านั้น“ นายพิชิต กล่าว
นายพิชิต ยังเรียกร้องให้นำตัวนายทักษิณกลับมารักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หากไม่สามารถทำได้ก็ขอให้ยุบกรมราขทัณฑ์ และ รพ.ของกรมราชทัณฑ์ทิ้งไป แล้วให้นักโทษทุกคนไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และย้ำว่าสถานะของนายทักษิณขณะนี้คือนักโทษไม่ใช่นายกรัฐมนตรี
อีกทั้ง กระบวนการยุติธรรม ภายใต้การบริหารของกระทรวงยุติธรรม กำลังใช้นายทักษิณเป็นตัวตั้ง และหากฎระเบียบมาอธิบายกรณีของนายทักษิณถึงเหตุผลที่ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมยืนยันว่ากลุ่ม คปท. ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาให้นายทักษิณพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่ที่ รมว.ยุติธรรม ต้องตัดสินใจ ว่าจะทำเพื่อรักษากระบวนการยุติธรรม หรือจะทำลายระบบยุติธรรมเสียเอง
นายพิชิต ยังปราศรัยโจมตีว่า การที่ นายทักษิณ ได้รับเอกสิทธิ์ในตรงนี้ก็เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติในสภาก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงนายทักษิณ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายบอกว่าจะเร่งฟื้นฟูระบบนิติรัฐ และนิติธรรมของประเทศ แต่เรื่องนี้กลับทำลายระบบที่กล่าวมาทั้งสิ้น
ทั้งนี้ นายพิชิต กล่าวว่า หากไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้ ก็อาจจะปักหลักค้างคืน แต่จะขอดูท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก่อน
ภายหลังการปราศรัยนายพิชิตให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่า วันนี้ คปท. มายื่นหนังสือแสดงเจตนาว่าไม่เห็นด้วยที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะขยายระยะเวลาให้ น.ช.ทักษิณ รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนจึงมาขอคัดค้านการขยายระยะเวลาและให้เร่งนำตัว น.ช.ทักษิณกลับเรือนจำโดยเร่งด่วน เพราะเมื่อครบกรอบระยะเวลาหลังจากนี้จะเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ที่ต้องตัดสินใจว่าจะให้ น.ช.ทักษิณ อยู่รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่
นายพิชิต กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานว่ารัฐมนตรียุติธรรม จะมารับเอกสารจากพวกตน มีเพียงที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาขอเจรจา โดยพวกตนมองว่าหากที่ปรึกษาฯ มีอำนาจตัดสินใจแทนรัฐมนตรีฯ ก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมาที่ปรึกษาฯ มาเพื่ออธิบายเงื่อนไขหรือเหตุผล ตนจึงคิดว่านี่ไม่ใช่การเจรจา และหากรัฐมนตรีฯ ไม่ลงมาพบ หรือไม่มีคำตอบและเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงไม่สามารถลงมาพบพวกตนได้ กลุ่มคปท.ก็จะปราศรัยสลับกับเล่นดนตรี และอาจมีการปักหลักค้างคืนอยู่บริเวณด้านหน้ากระทรวงยุติธรรมด้วย
“ที่เรามาเป็นเรื่องสำคัญระดับที่เกี่ยวพันกับความยุติธรรมในประเทศ ทำไมท่านไม่ให้ความสำคัญ ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เรามาทวงถามความยุติธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับประเทศ ท่านในฐานะรัฐมนตรีต้องลงมาเจอและให้คำตอบกับสังคม ไม่ควรหนีหน้า” นายพิชิต กล่าว
ด้าน นายนัสเซอร์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตนมายื่นหนังสือ ตนได้พบแต่คนที่ไม่มีอำนาจโดยตรง เวลาไปเจอก็มักจะพูดเพียงว่าขอไปหารือเพราะไม่ใช่อำนาจโดยตรง ซึ่งหากจะส่งที่ปรึกษาฯ มาเจรจาแทนรัฐมนตรี ตนขอถามว่าที่ปรึกษา มีอำนาจในการตัดสินใจแทนรัฐมนตรีฯ หรือไม่ เพราะอำนาจในการพิจารณาให้ น.ช.ทักษิณ นอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นอำนาจโดยตรงของรัฐมนตรี ไม่ใช่อำนาจของที่ปรึกษา และวันนี้ที่มาตนมีเพียงคำถามเดียวว่า รัฐมนตรีจะให้ น.ช.ทักษิณ นอนที่โรงพยาบาลตำรวจต่อหรือว่าจะส่งตัวกลับไปรักษาที่เรือนจำ
