นายกฯ ถึงกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เตรียมร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 1 ก่อนเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร แห่งซาอุฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนและเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเวลา 05.40 น. ของวันที่ 20 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย (ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ พร้อมคณะ เดินทางถึงราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับครั้งที่ 1 (ASEAN-GCC Summit) ระหว่างวันที่ 20-21 ต.ค.
โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ร่วมพิธีต้อนรับ โดยมี รองผู้ว่าการมณฑลริยาด นายกเทศมนตรีกรุงริยาด เลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ และเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ
จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรม Ritz Carlton ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักก่อนปฏิบัติภารกิจ โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ โดยเมื่อเดินทางถึงบริเวณห้องโถงหน้าห้องประชุม เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎุราชกุมาร และ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ต้อนรับและถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนเข้าร่วมการประชุม
จากนั้น 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี จะร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน โดย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และ นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำภายหลังการประชุมสุดยอด ASEAN-GCC Summit ก่อนที่เวลา 11.40 น. นายเศรษฐา เข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัดบิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกฎุราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ เป็นการประชุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์อาเซียน-GCC ที่มีมากว่า 30 ปี การเข้าร่วมการประชุมของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในระดับสูงของไทยในการกระชับความสัมพันธ์กับ GCC และประเภทสมาชิกต่างๆของ GCC โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่ไทยพึ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยกับกลุ่มประเทศ GCC ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงและแหล่งทุนขนาดใหญ่ของกลุ่มประเทศ GCC รวม 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะโอกาสในด้านอาหาร พลังงาน และการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การจัดทำ FTA-GCC และอาจเสนอให้พิจารณาจัดตั้งอาเซียน GCC Business forum เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายและการไปมาหาสู่ของประชาชนในสองภูมิภาค ทั้งในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ