นายกฯ เผย แรงงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 29 คน ถูกจับตัวประกันเพิ่มอีก 1 คน เผย เจรจาช่วยตัวประกันมีความคืบหน้าที่ดี แม้ยังไม่มีสัญญาณบวก สถานการณ์ทั่วไปยังอยู่ในขั้นวิกฤต กรณีนายจ้างบังคับทำงานไม่มีแล้ว หลังย้ำทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ช่วยดูแล เผย แต่งตั้งนายตำรวจผ่านไปด้วยดี ได้คำชมเป็นครั้งที่ดีที่สุด
เมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค.นี้ ถึงสถานการณ์แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 1 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งสถานการณ์ไม่ได้เบาบางลงไปยังอยู่ในขั้นวิกฤตเหมือนเดิม และเที่ยวบินที่รับแรงงานไทยกลับล่าสุดได้รับว่าแจ้งว่าจะเดินทางกลับ แต่ไม่สามารถเดินทางมาได้ 6 คน ซึ่งไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่า จะอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง จึงยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะมีการประชุมในวันเดียวกันนี้ เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตนเดินทางถึงกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะทราบความคืบหน้า จึงได้สั่งการไปว่าให้หาเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น เพื่ออพยพคนทั้ง 7,000 คน ให้ได้ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้
เมื่อถามว่า เรื่องตัวประกันขณะนี้มีสัญญาณบวกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มี ก็จะพยายามทำทุกวิถีทาง แต่มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นในแง่ของการเจรจา
เมื่อถามต่อว่า สถานการณ์การสู้รบยังยืดเยื้อขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตของคนไทยก็เพิ่มขึ้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ จึงได้สั่งการให้นำคนของเราออกมาโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง ขณะที่เรื่องการช่วยตัวประกันก็เป็นเรื่องที่สำคัญเท่าเทียมกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พบว่า นายจ้างบังคับให้แรงงานทำงาน แม้จะอยู่ในภาวะสงคราม นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีแล้ว และเรื่องนี้ได้เงียบหายไปแล้ว เราได้มีการสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมประสาน เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ว่า เรื่องนี้เรารับไม่ได้ ขออย่าให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย จะมาบังคับทำงานไม่ถูกต้อง ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอล ก็รับปากจะดูแลเรื่องนี้ให้
เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 11/2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจระดับนายพล ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปถึง ผู้บัญชาการ (ผบช.) วาระประจำปี 2566 ว่า ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตข้าราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังชม ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งครั้งที่ดีที่สุด เพราะได้คำนึงถึงความอาวุโส ความเหมาะสมความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พร้อมขอชื่นชมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกรรมการกลั่นกรอง ที่ทำงานมาได้ด้วยดี.
