xs
xsm
sm
md
lg

“เชาว์” สังเวชชีวิตคนไทย นายกฯโวแจกเงินดิจิทัลทำตั้งตัวได้ เทียบ ปชช.รับเงินซื้อเสียงตลอดยังไม่รวย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาชิก ปชป. สังเวชชีวิตคนไทยหลังฟัง “เศรษฐา” โวแจกเงินดิจิตัลทำตั้งตัวได้ ระบุ หากทำแล้วรวยจริงคนไทยรวยไปนานแล้ว เพราะได้รับเงินซื้อเสียงทุกครั้งไม่ต่าง 3-5 พัน ทุกปีมานาน พิสูจน์เงินแจกเหมือนกัน แต่ไม่เคยตั้งตัวได้ แนะหยุดไล่แจกเงิน แล้วใช้เงินงบประมาณให้ถูกหลักบริหาร

วันนี้ (15 ต.ค.) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลเรื่อง “เงินแจกดิจิทัล กับ เงินแจกซื้อเสียง คือเงินเเหมือนกัน “ตั้งตัวได้” จริงหรือไม่” จากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง อธิบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล๊ต มีเนื้อหาระบุ ว่า “สมมติวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมี 3 คน 5 คน เอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่า มีประโยชน์มากแค่ไหน และเงินที่ได้ไปใช้ใน กทม.ไม่ได้ ต้องใช้ในเขตที่ท่านอยู่ จะช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว ซึ่งมีหลายท่านไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย แต่เรารับฟังความคิดเห็น เพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน รับฟังแล้วปรับให้ดีให้เป็นนโยบายที่โดนใจทุกคน คิดดูวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีเงิน 5.6 แสนล้านเข้าไปในระบบ ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะเตรียมสินค้าออกมารองรับหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มหรือไม่ เงินจะอยู่ในกระเป๋าประชาชนมากขึ้นแค่ไหนอย่างไร ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง”

ตนฟังแล้วรู้สึกสังเวชใจสิ้นหวังกับชีวิตคนไทยจริงๆ คิดง่ายๆ อย่างนี้ ว่า ถ้าเงินดิจิทัลคนละหนึ่งหมื่นมันสามารถทำให้คนไทยตั้งตัวได้ คนไทยแต่ละครอบครัวคงรวยไปนานแล้วไม่ต้องรอเงินแต่หนึ่งหมื่นของนายกเศรษฐาก็ได้ เพราะการได้รับเงินแจกครอบครัวละ 3-5 หมื่นบาท สำหรับครอบครัวคนไทยถือเป็นเรื่องปกติและมีมานานแล้ว ไม่เชื่อนายกฯ เศรษฐา ลองไปถาม  กกต. ดูก็ได้ว่า ในแต่ละปีที่มีการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ เขาใช้เงินแจกประชาชนกันปีหนึ่งๆ กี่แสนล้าน ตัวเลขครอบครัวละสามหมื่นถึงห้าหมื่นของนายกฯ เศรษฐา ถือเป็นเรื่องชิลๆ สำหรับชาวบ้านไปเลย เลือกตั้งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. แต่ละครั้งเขาแจกกันหัวละ 3-5 พัน หรือบางที่อาจจะสูงถึงหนึ่งหมื่น นี่ไม่รวมการเลือกตั้งระดับชาติ ปีหนึ่งๆ มีการเลือกตั้งทุกระดับหลายครั้ง ผมคิดว่า เฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวได้รับมากกว่าตัวเลขของนายเศรษฐาแน่นอน

“ผมจึงขอถามนายกฯ เศรษฐา ว่า เงินที่ประชาชนได้รับแจกซื้อเสียงนักการเมือง กับการแจกเงินดิจิทัล มันก็คือเงินเหมือนกันใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก่อนที่จะแจกเงินดิจิทัล ขอให้ท่านกลับไปถามประชาชนก่อนว่า เงินที่เขาได้รับแจกจากนักการเมืองเพื่อซื้อเสียง ปีละหลายครั้ง ครอบครัวละหลายหมื่น ทำให้ประชาชนเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือตั้งตัวได้บ้างหรือไม่ คำตอบ คือไม่เคยทำให้ประชาชนตั้งตัวได้จริง ที่แย่ไปกว่านั้น คือ การสร้างวงจรอุบาทว์ถอนทุนคืนทางการเมืองที่สร้างความเสียหายต่อระบบการเมืองและเศรษฐกิจทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพพายเรือวนในอ่าง หยุดผลิตโครงการประชานิยมที่แอบแฝงไปด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย สร้างนิสัยให้ประชาชนขนคอยแต่จะแบมือรับ เสียทีเถอะครับ เงินงบประมาณแผ่นดินโดยหลักการรัฐบาลต้องนำไปใช้ในการบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานองค์กรไม่ใช่มาไล่แจกกันอย่างนี้ ซึ่งอาจทำให้มองไปได้ไม่ต่างกันกับเงินแจกซื้อเสียงจากนักการเมือง” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น