วันนี้และเวลานี้ คนไทยที่สนใจปัญหาบ้านเมืองทุกคน จะมองไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถามคำถามเดียวกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับองค์กรแห่งนี้ ซึ่งมีเรื่องให้คนฟังแล้วเกิดข้อกังขานานัปการ เริ่มตั้งแต่การจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่เช่น บ่อนการพนัน รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ยาเสพติด มักจะจบลงด้วยตัวการใหญ่รอดเกือบทุกราย และเมื่อสาวลงลึกมักจะพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเกือบทุกราย และนอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมรายย่อยที่เรียกรับเงินจากผู้กระทำผิด เช่น ขับรถผิดกฎจราจร เป็นต้น
จากพฤติกรรมข้างต้น ถึงแม้จะไม่เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนดีและทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน แต่ส่วนน้อยที่กระทำผิดและทำให้องค์กรเสียหาย ในทำนองเดียวกันกับองค์กรพุทธศาสนาที่มีพระสงฆ์ส่วนหนึ่งประพฤติตนนอกรีตนอกรอย ไม่เคารพยำเกรงพระธรรมวินัยเป็นเหตุให้ ทำผู้พบเห็นเสื่อมศรัทธาและทำให้ศาสนาเสื่อม แต่ที่ศาสนาพุทธอยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้ได้ก็ด้วยความร่วมมือกันระหว่างพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และพระราชาผู้ครองแคว้นจัดทำสังคายนาขจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป และกำหนดกติกาในการอยู่ร่วมกัน โดยยึดคำสอนของพระพุทธองค์
ถ้ายึดแนวทางของพุทธที่มีอายุยืนยาวมากว่า 2,500 ปี ทาง สตช.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คิดดี ทำดี เพื่อประเทศและประชาชน น่าจะได้ทำการสังคายนาองค์กรแห่งนี้ โดยไม่ต้องรอให้คนภายนอกมาจัดการ แต่เท่าที่เป็นมาแล้วและเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในอนาคต ยังมองไม่เห็นว่าองค์กรแห่งนี้จะสังคายนาตัวเอง และยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลโดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำเช่นนี้ได้ ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. วัฒนธรรมองค์กรพี่น้องต้องเลี้ยงเจ้านายเพื่อให้ได้ความดี ความชอบเช่น เมื่อเจ้านายลงตรวจพื้นที่ ลูกน้องต้องเลี้ยงต้อนรับอย่างดี ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ลูกน้องเงินเดือนน้อยจะหาเงินจากไหน ทางเดียวที่ทำได้ก็คือขอความช่วยเหลือจากนักธุรกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจสีเทา และเมื่ออาศัยเงินเขาก็ต้องตอบแทนบุญคุณเขา โดยการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ปล่อยให้เขาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายเช่น บ่อนเถื่อนและหวยเถื่อน เป็นต้น และนี่เองคือที่มาของการที่ตำรวจต้องเข้าไปอยู่ภายใต้อิทธิพลในท้องถิ่นเป็นประการที่หนึ่ง
อีกประการหนึ่ง การแต่งตั้งโยกย้ายถ้าต้องการตำแหน่งดีในท้องที่ซึ่งมีช่องทางแสวงหาประโยชน์ได้ โดยไม่ต้องรอตามขั้นตอนก็ต้องใช้เงิน จึงต้องหาเงินโดยการเรียกรับจากผู้กระทำผิดกฎหมาย รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือจากนักธุรกิจสีเทาเพื่อเป็นทุนในการวิ่งเต้น เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่ต้องการ และนี่ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตำรวจต้องแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบในรูปแบบต่างๆ
2. รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมืองและตัวนักการเมืองต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่เลือกตั้งที่แข่งขันสูงจะมีการซื้อเสียงหรือไม่ก็ต้องอาศัยผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หาคะแนนจัดตั้งให้
ดังนั้น ทั้งพรรคการเมืองและตัวนักการเมืองต้องเป็นหนี้บุญคุณผู้มีอิทธิพล และผู้มีอิทธิพลก็จะต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเกราะคอยคุ้มกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อใดมีการแต่งตั้งโยกย้าย ผู้มีอิทธิพลก็จะขอความช่วยเหลือนักการเมืองให้แต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตนเองต้องพึ่งพา และนี่ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลทำผิดกฎหมาย
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ถ้าจะปรับปรุง สตช.จะต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาภายในองค์กรก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เงินวิ่งเต้นในการโยกย้ายแต่งตั้ง และกำหนดกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมในการโยกย้ายแต่งตั้ง เพื่อป้องกันการวิ่งเต้น ลัดคิว และข้ามห้วยดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ การลงโทษผู้กระทำผิดจะต้องกระทำอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา มิใช่กระทำอย่างมีเลศนัยในทำนองกลั่นแกล้งกัน เพื่อเปิดทางให้พรรคพวกของตนเองได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง เนื่องจากว่ากระทำเช่นนี้เท่ากับทำให้คนดีท้อถอยเสียกำลังใจ และทำให้คนเลวย่ามใจทำผิดต่อไป โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สุดท้ายจะเหลือแต่คนเลวเป็นส่วนใหญ่ปกครององค์กร
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่องค์กรแห่งนี้ตกต่ำไปกว่านี้ ควรที่รัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศจะต้องทำสังคายนาองค์กรตำรวจให้กลับมาอยู่ในฐานะขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม และเป็นที่พึ่งของประชาชนคนที่รอพึ่งตำรวจในด้านความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินให้สมกับที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน