xs
xsm
sm
md
lg

"เศรษฐา-แสนสิริ" เรื่องปั่น ฝาก "บิ๊กโจ๊ก"ลุยสอบ"ชูวิทย์" เลี่ยงภาษี900ล้าน นี่สิงานใหญ่กว่า **“พรรคลุงตู่” รทสช. ประกาศร่วมรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว บอก“เก้าอี้พลังงาน” ไม่ใช่เงื่อนไข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**"เศรษฐา-แสนสิริ" เรื่องปั่น ฝาก "บิ๊กโจ๊ก"ลุยสอบ"ชูวิทย์" เลี่ยงภาษี900ล้าน นี่สิงานใหญ่กว่า


“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หอบสังขาร นำหลักฐานเข้าพบ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นกล่าวโทษต่อคณะกรรมการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบุคคล มีพฤติการณ์เป็น “นอมินี” ซื้อขายที่ดิน ในข้อข้อหาทำเอกสารอันเป็นเท็จ, จัดตั้งบริษัทนอมินี และฟอกเงิน

พูดไปทำใมมี สิ่งที่ “ชูวิทย์” ยื่นให้ “บิ๊กโจ๊ก” ก็เป็นการ “ทำเอกสารเป็นเท็จ”ของชูวิทย์มาเช่นกัน เพราะจับแพะชนแกะ มโนขึ้นมาเพื่อกล่าวหาผู้อื่น “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และบริษัทแสนสิริ

นักกฎหมาย หรือ คนในวงการอสังหาฯ เห็นที่ ชูวิทย์นำเสนอเล่นละครลิงที่ว่ามีข้อมูลเด็ดจะเผด็จศึกใน “แฉเพื่อชาติ”เมื่อวันก่อนได้ขำขันกับการแสดงละครลิง ที่หาความจริงไม่ได้ นอกจากหาเรื่องนักข่าวผู้จัดการ ที่ไปรับฟังเตรียมซักถามข้อเท็จจริง แล้วที่พ่นมาทั้งหลาย เรื่องซื้อขายที่ดินมีอยู่สองฝั่ง ซื้อและขายเอามาผสมขยำกันมั่วข้อมูลจนเลอะเปรอะแล้วสรุปว่า ฝั่งผู้ซื้อตั้งนอมินี เพื่อทำการซื้อขายไม่ถูกต้อง ฟอกเงิน

อาการมะเร็งไม่รู้เป็นแค่ไหน แต่อาการทางสมอง และ โกหกพกลมของชูวิทย์ ติดลบหาทางฟื้นฟูคงไม่ได้แล้ว!!

งานนี้คนฉลาดอย่าง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” อ่านเอกสารของชูวิทย์ปุ๊บก็จะมองเห็นได้ในทันที อะไรจริง อะไรเท็จ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
หาก รอง ผบ.ตร. อยากจะสอบตามที่ชูวิทย์ ชงมาก็เข้าใจได้ว่าทำไปตามหน้าที่ แต่ก็ต้องไม่ละเว้นกรณีของชูวิทย์ และลูกๆ ซื้อขายที่ดินโอนภายในวันเดียวกันที่เป็นที่สงสัยของสังคมว่า ทำนิติกรรมเพื่อหลบเลี่ยงภาษีทำรัฐเสียรายได้ 900 กว่าล้านด้วยเช่นกัน

เรื่องที่ดินของ “ชูวิทย์” ...จากที่ดินเนื้อที่ 557 ตารางวา หลังโรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก ซอยสุขุมวิท 24 เดิมเป็นโฉนด 2 แปลง ถือครองโดย บริษัท สมบัติเติมตระกูล มี ชูวิทย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม จากนั้นที่ดิน 2 แปลง ถูกซอยออกเป็น 4 แปลง ให้ลูกๆ4 คน ของชูวิทย์ ถือคนละโฉนด

ต่อมา “วันที่ 27 กันยายน 2562” ให้บริษัท สมบัติเติมตระกูล ของตัวเอง ขายออกให้ลูกๆ 4 คนเป็นผู้ซื้อ แล้วรับโอนมาในราคาแปลงละ 27 ล้านกว่าๆ ซึ่งน่าจะเป็นราคาประเมินของกรมที่ดิน 4 แปลง ขายให้ลูก 4 คน คิดเป็นเงินก็ประมาณ 112 ล้านบาท

วันที่ 27 กันยายน 2562 วันเดียวกันนี้ ลูกๆของชูวิทย์ทั้ง 4 คน ที่ระบุในสัญญาซื้อขายว่า “ซื้อมาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย” ระหว่างวันกลับขายและโอนที่ดินให้กับ บริษัท เดวิส 24 ที่ถือหุ้นโดยลูกๆ ทั้ง 4 คน ของชูวิทย์เองอีก ในราคาแปลงละ 502 ล้านบาท รวม 4 แปลง จากที่ลูกๆ ชูวิทย์ซื้อมา 112 ล้านบาทหมาดๆ ไม่ทันข้ามวันตัวเลขบวมฉึ่ง ไปถึง 18 เท่าตัว กลายเป็น 2,008 ล้านบาท!

เศรษฐา ทวีสิน
ถ้าคำนวณภาษีแบบตรงไปตรงมาโดยที่ไม่เอาลูกมาเป็น "นอมินี" คั่นกลาง บริษัทขายให้กับบริษัท งานนี้ บริษัทสมบัติเติมตระกูลของ “ชูวิทย์”จะต้องเสียภาษี + เบี้ยปรับและค่าอื่นๆรวมแล้ว900 กว่าล้าน

เรียกว่ารัฐโดนเอารัดเอาเปรียบจากคนที่เล่นแร่แปรธาตุเลี่ยงภาษีมหาศาล

ถามว่า กรณีของแสนสิริซื้อขายที่ดิน กับ “ชูวิทย์และครอบครัว” เจตนาเลี่ยงภาษี 900 กว่าล้าน เชื่อว่า “บิ๊กโจ๊ก” ชั่งน้ำหนักได้เองว่า ควรตั้งลุยกรณีไหนดี ที่ประโยชน์จะตกอยู่กับชาติและประชาชนมากกว่า

“ชูวิทย์” เอาสีข้างเข้าถูว่า บริษัทของลูกๆและตัวเองไม่มีนอมินี พร้อมถามกลับว่า รู้ไหมว่าตัวเองเรียนจบอะไร เรียนจบภาษี ไม่ได้ทำ

คำตอบแบบศรีธนชัยแบบนี้ ถ้า “ชูวิทย์”กล้าก็ต้องให้ “บิ๊กโจ๊ก”เข้ามาตรวจสอบ หรือให้เจ้าหน้ากรมสรรพากรมาสอบประเมินตรงไปตรงมา แต่เชื่อขนมกินได้ว่า ไม่กล้า

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
ย้ำอีกที กรณี “เศรษฐากับแสนสิริ” เป็นเรื่องที่ ชูวิทย์ปั่น และต้องการจะแบล็กเมล์... “บิ๊กโจ๊ก” ไม่สู้สอบเรื่องเลี่ยงภาษีชูวิทย์ งานใหญ่จะดีกว่า

อย่าปล่อยให้คนที่เรียกตัวเองว่า “โจร” ลอยนวล วันนี้หมดราคาความน่าเชื่อถือก็ดรามาไปวันๆ..ลุยจัดหนักไปได้เลยครับท่าน..บิ๊กโจ๊ก!

**“พรรคลุงตู่” รทสช. ประกาศร่วมรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว บอก“เก้าอี้พลังงาน” ไม่ใช่เงื่อนไข

ชัดเจนอีกพรรค สำหรับการเข้าร่วมรัฐบาลของ “พรรคลุงตู่” รวมไทยสร้างชาติ ที่มี 36 เสียง

ลุ้นกันตลอดทั้งวัน หลังมีข่าวว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครทสช. กับ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค ได้ไปเจรจาพูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย “อย่างเป็นทางการ” ที่อาคารรัฐสภา ในช่วงสายๆ วานนี้ (17 ส.ค.)

พีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค
คาดการณ์กันว่า ประเด็นที่หยิบยกมาพูดคุยน่าจะเป็นเรื่องความชัดเจนของโควตารัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะได้ 4 เก้าอี้นั้น เป็นรัฐมนตรีว่าการกี่เก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กี่เก้าอี้ กระทรวงใดบ้าง ได้กระทรวงพลังงาน ที่เป็นกระทรวงเกรด A ที่คนของพรรค รทสช. ต้องไปสานงานต่อหรือไม่ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็เล็งกระทรวงนี้อยู่เหมือนกัน คงยากที่จะปล่อยมือ

กระทั่งตกเย็น “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรค รทสช. ก็ออกมาแถลงว่า คณะเจรจาของทั้ง 2 พรรค ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการแล้ว เห็นพ้องร่วมกันว่า รทสช.จะได้เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศ และที่สำคัญคือ เพื่อเป็นการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย

ส่วนการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาต่อรองเรื่องกระทรวงใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ... มีเพียงข้อตกลงในหลักการ ของการเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น ปัญหาเก้าอี้รัฐมนตรียังมีเวลาคุยกันอีกหลายวัน

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์
เรื่องกระทรวงพลังงานนั้น ว่ากันว่าความเห็นของ คนวงใน รทสช. ไม่ได้ต้องการกระทรวงนี้ เพราะได้มาก็ “เปลืองโควตา” เปล่าๆ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ ต่างจากในช่วง “รัฐบาลลุงตู่” ซึ่งกระทรวงนี้ ถือว่าเป็นโควตาของ “ลุงตู่” ไม่ใช่ของพรรคพลังประชารัฐ การจะจัดสรรให้ใครมานั่ง ขึ้นอยู่กับลุงตู่คนเดียว เราจึงได้เห็น “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” มานั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พลังงาน

แต่ปัญหาเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีของ รทสช. ครั้งนี้ อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า มีคำขอจาก “อดีตนายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะเอาใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ “อดีตแกนนำ กปปส.” เพราะยังจำฝังใจ กับเรื่องที่ถูก กปปส. ตั้งเวทีขับไล่อยู่หลายเดือน

ส่วน “พรรคลุงป้อม” พลังประชารัฐนั้น มี 40 เสียง ซึ่ง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร ออกมาประกาศแล้วประกาศอีก ว่า พร้อมโหวตหนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีเงื่อนไข

แต่ข่าววงในการเจรจา บอกว่าที่ยังไม่ลงตัว ยังประกาศอย่างเป็นทางการไม่ได้ เพราะ “พรรคลุงป้อม”ต้องการดูแลเรื่อง “ดิน น้ำ และกีฬา”

เรื่องดิน ก็คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ “วราวุธ ศิลปอาชา” เป็นรัฐมนตรีว่าการ อยู่ในตอนนี้ และได้ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า ต้องการสานงานต่อ ถ้าได้ร่วมรัฐบาล

สมศักดิ์ เทพสุทิน
เรื่องน้ำ ก็คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” จากพรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ ซึ่งครั้งนี้มีแนวโน้มว่า ประชาธิปัตย์ อาจไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จากพรรคเพื่อไทย ประกาศตีตราจองไว้แล้ว

เรื่องกีฬา ก็คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งตอนนี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” จากพรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่ ซึ่งท่าทีของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เห็นว่า พรรคเก่า กระทรวงเดิม น่าจะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

ระหว่าง “สองลุง” เงื่อนไขของ “พรรคลุงตู่” รทสช. นั้นคุยกันได้ง่ายกว่า รทสช.จึงประกาศอย่างเป็นทางการได้ก่อ ส่วน “พรรคลุงป้อม” พลังประชารัฐ ที่ยังทับซ้อนในเรื่องโควตากระทรวง การเจรจายังต้องใช้เวลา ซึ่งในทางการเมืองแล้ว จะมีคำกล่าวอยู่ว่า เพื่อการได้เป็นรัฐบาล “ไม่มีปัญหาใด ที่เจรจากันไม่ได้”

ดังนั้น เชื่อว่าก่อนถึงวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันโหวตนายกฯ จะต้องมีความชัดเจนจากพรรคพลังประชารัฐออกมา


กำลังโหลดความคิดเห็น