โฆษกก้าวไกล จี้ส.ส.-ส.ว.ประชุมม.272 ปิดสวิตช์ส.ว.พรุ่งนี้ อ้างส.ว.บางกลุ่มคุยทำองค์ประชุมล่ม ชี้ เป็นหล่มการเมืองไม่สะท้อนเสียงปชช.ระบอบปชต. บอกไร้มาตรานี้มีนายกฯนานแล้ว เชื่อหากผ่านใช้เวลาไม่เกินเดือน สอน "สมชาย" อ่านกม.ใหม่ หลังเสนอเลื่อนรอศาลรธน.วินิจฉัย
วันนี้ (3ส.ค.)นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงวาระการประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ ที่จะมีการเลื่อนวาระการโหวตนายกรัฐมนตรี และนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 272 ปิดสวิตช์สว. เลือกนายกรัฐมนตรี ที่พรรคก้าวไกลเสนอมาพิจารณา
ซึ่งจากการที่พรรคก้าวไกลยื่นเรื่องต่อสภา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เราเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการปิดสวิตช์สว. ในการให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นหล่มทางการเมืองที่มีความสำคัญ
ประการที่ 1. คือการที่เราไม่สามารถมีนายกรัฐมนตรีตามความต้องการของประชาชน ซึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ได้ จากการโหวตนายกรัฐมนตรี ตอนที่มีการโหวตนายพิธา พิธา ชิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล การโหวตครั้งนั้นจบลงที่สว.ส่วนใหญ่ ไม่ให้ความเห็นชอบ กระบวนการแบบนี้เป็นเรื่องชี้ชัดเจนว่าหากไม่มีมาตรานี้ การโหวตนายกฯจบไปแล้ว เรามีนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เราไม่ต้องรอให้ประเทศของเราถูกรักษาการโดยนายกที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามานานขนาดนี้ แต่เนื่องจากมาตรานี้ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ทุ้งรัฐธรรมนูญที่มาจากการทำรัฐประหาร กระบวนการทำประชามติที่จับกุมผู้เห็นต่างทางการเมือง กระบวนการเหล่านี้สุดท้ายจะกลายเป็นหล่มทางการเมือง ที่แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะให้ความเห็นชอบไปแข้วว่าพวกเจาต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ดังนั้นเราต้องรีบเอาหข่มทางการเมืองนี้ออก เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากรปะขาชนอย่างแท้จริง
ประการที่ 2. หล่มทางการเมืองที่สะท้อนผ่านมาตรา 272 ยังสะท้อนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากอย่างพิสดาร เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน ที่มีอุดมการณ์ ความคิดความเครียดที่ใกล้เคียงกัน แต่ก่อให้เกิดการผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่ได้สนใจอุดมการณ์ แต่เป็นเรื่องของการเปิดโอกาส ให้กับกลุ่มบุคคล อย่าง สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ตั้งเงื่อนไขกับพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง ซึ่งหล่มทางการเมืองนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย เราจำเป็นต้องถอนหล่มนี้ออกเสีย
และประการที่ 3 เราต่างรู้กันดีว่ามาตรา 272 เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน คำถามสำคัญคือ เราจะปล่อยให้เป็นอุปสรรคทางการเมืองทำไม วันนี้ต่อให้มีพยายามใช้อำนาจนี้ขัดขวางเขตจำนงประชาชน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนใจประชาชนได้ ทำได้แค่ยื้อเวลา ซึ่งการยื้อนี้ คือการยื้อเวลาในการพัฒนา การที่ประเทศจะเป็นประชาธิปไตย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ตนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงมาตรา 272 ไว้ในลักษณะนี้อีกต่อไป
และเมื่อพิจารณาจากเหตุผลทั้งหมด กระบวนการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปิดสวิตช์สว. เลือกนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาไม่นาน หากทุกฝ่ายทำอย่างรวดเร็ว วันพรุ่งนี้เราสามารถโหวต วาระที่หนึ่งได้ และภายใน 3 วาระสามารถจบภายใน 1 เดือนได้
รวมถึฃการทูลเกล้าฯถวายและการประกาศในราชกิจจาฯเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ภายในเดือนกันยายน สว. จะไม่มีอำนาจในการลงมติเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
ถ้ากระบวนการนี้จบลงตนเชื่อว่าความแปลกประหลาดทางการเมือง อาจจะมีรูให้หายใจ อาจจะเป็นรูระบายให้ทุกฝ่ายที่ต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ อย่างน้อยหากพรุ่งนี้มีมติให้เดินหน้าต่อได้ ต่อไปนี้เราอาจไม่ต้องพึ่งพาสว. หรือเสียงข้างน้อยสามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากอย่างที่ควรจะเป็น
และหากลงมติให้ความเห็นชอบต่อเรื่องนี้จะเป็นการเปิดโอกาสเป็นทางลงบันไดมีไฟ ให้กับ สว.ที่ต้องการปิดสวิตช์ตัวเอง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูล สว. ที่เคยเห็นชอบกับการยกเลิกมาตรา 272 รวมแช้วอยู่ที่ 63 คน ที่ผ่านมาพวกท่านพูดเสมอว่าอยากปิดสวิตช์ตัวเอง ดังนั้นในการพิจารณาวันพรุ่งนี้ขอให้ช่วยกันปิดสิวตช์ 272 เพื่อเอาสว. ออกจากสมการในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อให้อำนาจของประชาชนสามารถเดินได้
อย่างไรก็ตาม ตนได้ยินมาว่ามีการพูดคุยกัน วงไม่กว้างมากนักว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการทำให้องค์ประชุมล่ม และไม่สามารถพิจารณาการยกเลิกมาตรา 272 ได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ตนหวังว่าไม่ควรจะมีเหตุผลในการเลื่อนเรื่องนี้ออกไป หวังว่าทุกฝ่ายทั้งสว. พรรคการเมือง จะช่วยกันพิจารณาวาระนี้ อย่าใช้วิชามารใดๆ ในการทำให้องค์ประชุมล่ม ทำให้การพิจารณามาตรา 272 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และหวังว่าจะมีความจริงใจต่อประชาชน ที่จะทำหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะ เพื่อให้ประชาชนมีศรัทธาต่อการทำหน้าที่ของสภาต่อไป และหวังว่าสิ่งที่ตนพูดจะเข้าถึงหัวใจของสมาชิกสภาทุกคน
เมื่อถามว่าหากทำสำเร็จจะเป็นการปลดล็อคทางการเมืองหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าหากการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ผ่านวาระ 1 ไปได้ ทุกฝ่ายจะกลับไปทบทวนตัวเอง ความคิดความเขื่อว่าสุดท้ายจะสร้างขั้วรัฐบาลที่อาจจะอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายเดิมที่เคยอยู่ ต้องกลับไปทบทวนว่าจะเป็นอย่างไร
“เพราะหากไม่มีมาตรา 272 แล้ว ประเภทว่า สว.มีเงื่อนไขว่าอย่ามีก้าวไกล ผมว่าต้องคิดเหมือนกัน แต่ทั้งนี้การเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ตอนแรกสุดที่เราเสนอเราคาดหวังว่าจะเป็นบันไดหนีไฟให้วุฒิสมาชิกหลายท่านที่บอกว่าไม่อยากมีส่วนร่วมในการโหวตนายกฯ บางคนงดออกเสียง ไม่มาประชุม แต่เสียดายที่สุดท้ายการโหวตนายกฯครั้งที่ 2 มันเกิดขึ้นก่อนแทนที่ตะพิจารณาเรื่องมาตรา 272 ก่อน”
นายรังสิมันต์ย้ำว่าหลักการนี้เป็นหลักการที่สำคัญ ที่ทำวห้เราใกล้ประชาธิปไตยมากขึ้น คือการเขือกนากยรัฐมนตรี ต้องไม่ตกอยู่ในคนที่มีอำนาจ ที่ไม่ใช่ประชาชน ตนคิดว่าหลักการนี้ เป็นกลักการทั้งไป ที่ทุกฝ่ายต้องให้การยอมรับ ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่มลงมติไม่เห็นเห็นชอบต่อเรื่องนี้
“ขอเรียนตามตรงว่าฝ่ายที่ต้องการสกัด ไม่ห้พรรคก้าวไกลมาถึงตรงนี้ คุณมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องยื้อเรื่องนี้ต่อไป ตนคิดว่าปลดล็อกเรื่องนี้ให้การเมืองเดินได้ ดีที่สุด “
เมื่อถามว่าเรียกร้องเฉพาะเจาะจงไปที่พรรคการเมืองใดหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรียกร้องกับทุกฝ่าย และหวังว่าคงไม่มีเหตุผลว่า สว. ไม่พอใจเกิดขึ้น รวมถึงอยากให้เนื้อหาที่แถลงในวันนี้ส่งถึง สว.เหมือนกัน ส่วน สว.บางคนที่ไม่อยากปิดสวิตช์ตัวเอง ตนขอถามตามตรงว่าจะเก็บไว้ทำไม สุดท้ายไม่สามารถใช้กระบวนการแบบนี้บังคับให้ประชาชนเปลี่ยนความคิดได้
เมื่อถามถึง กรณี นายสมชาย แสวงการ สว. ออกมาบอกว่าควรเลื่อนการพิจารณามาตรา 272 เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความเสียหาย และควรรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายรังสิมันต์กล่าวว่าตนคิดว่าไม่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“สว.สมชายอาจต้องไปอ่านให้ดีว่าเป็นคนละเรื่องกัน กระบวนการในการโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นกระบวนการที่ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ผมเข้าใจว่าท่านประธานรัฐสภาอาจจะกังวล ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ว่ากระบวนการรัฐสภาที่ทำมาก่อนหน้านี้ขัดต่อศาลรัฐธรรมนูญ อาจให้สมการทางการเมืองเปลี่ยนไป ผมเข้าใจในความหวังดีของท่านประธาน แต่ต้องเรียนตามตรงว่ากระบวนการในการโหวตนายก ไม่ได้ผูกพันกับสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสิน ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้คุ้มครองชั่วคราว เราสามารถเดินหน้าได้หมด “
เมื่อถามว่าเป็นการตอกย้ำว่าองค์ประชุมจะล่มหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่าก็ได้ยิน สว. พูดกันว่าจะมีการเสนอแบบนั้น แต่ประชาชนจับตามองขนาดนี้อย่าใช้วิชาทางการเมืองอะไรทำให้องค์ประชุมล่ม ซึ่ง 8 พรรคร่วมมีไม่ถึงกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม และหาก 10 พรรคร่วมใหม่จับมือกับ สว. ทำให้องค์ประชุมครั้งนี้ล่ม ตนคิดว่าความีความละอายต่อประชาชนบ้าง ตนเข้าใจว่าบางพรรคการเมือง มีจุดยืนว่าให้ สว.มาโหวตนายก ก็ขอให้ช่วยประชุมพรุ่งนี้