“ไตรรัตน์” เซ็นตั้ง “นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ” รักษาการเลขาฯ กสทช. แต่พบอ้างระเบียบฯผิดข้อ ส่อใช้อำนาจมิชอบ

กสทช.ป่วนต่อเนื่อง “ไตรรัตน์” เซ็นตั้ง “นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ” รักษาการเลขาฯ กสทช. ทั้งที่มีรองเลขาฯ-ผู้ช่วยเลขาฯ อยู่เต็มแผง กางระเบียบ กสทช.พบอ้างผิดข้อ อาจเข้าข่ายใช้อำนาจมิชอบ เผย หลังโดนมติเสียงข้างมากปลดพ้นรักษาการเลขาฯ กลับยังใช้อำนาจตำแหน่งเลขาฯ รัวๆ ทั้งเซ็นยกเลิกสอบวินัยตัวเอง โยกย้ายพนักงานระดับสูงอีกอื้อ

จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสียงข้างมาก มีมติให้ปลด นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช.ออกจากการรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. แต่ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ไม่ลงนามในหนังสืออย่างเป็นทางการ จนบอร์ด กสทช. 4 รายซึ่งเป็นฝ่ายเสียงข้างมากได้ทวงถามในระหว่างการประชุม กสทช. และเกิดเหตุความไม่ลงรอยภายในสำนักงาน กสทช.หลายกรณีนั้น

วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 นายไตรรัตน์ ยังได้ใช้อำนาจรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ลงนามในคำสั่ง กสทช.ที่ 676/2566 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. โดยมีคำสั่งแต่งตั้ง นายสมบัติ ลีลาพตะ นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ในวันที่ 5 ก.ค. 66 ตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ภายในสำนักงาน กสทช.ถึงความเหมาะสมของการออกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจาก นายไตรรัตน์ ถูกมติบอร์ด กสทช.เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 66 ปลดออกจากรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และยังมีมติตั้งกรรมการสอบวินัย นายไตรรัตน์ กรณีสนับสนุนค่าใช้จ่ายถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 อีกด้วย และในคราวประชุม กสทช.เดียวกัน ยังมีมติแต่งตั้ง นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ซึ่งถือเป็นสายงานบริหาร ที่ปัจจุบันมีรองเลขาธิการ  กสทช.นอกเหนือจาก นายไตรรัตน์ อีก 4 ราย และมีผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช.และรักษาการแทนผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช.อีก 6 ราย แต่ นายไตรรัตน์ กลับเลือกตั้ง นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.


รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า โดยในคำสั่งสี่ นายไตรรัตน์ ลงนามได้อ้างว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 8 ของระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการรักษาการแทนฯ นั้น พบว่า ข้อ 5 ระบุด้วย “ในกรณีที่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ แต่อยู่ระหว่างลาหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยประการใดๆ ให้รองเลขาธิการที่เลขาธิการมีคำสั่งมอบหมายตามลำดับอาวุโสเป็นผู้รักษาการแทน
เว้นแต่กรณีเลขาธิการไม่ได้มีคำสั่งมอบหมายไว้ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งรองเลขาธิการคนหนึ่ง
ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้รักษาการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติการได้
ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งผู้อำนวยการกลุ่มงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าคนหนึ่ง ตามที่เห็นสมควร
เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ”

เท่ากับว่า เลขาธิการ กสทช.สามารถมอบหมายรองเลขาธิการที่เลขาธิการมีคำสั่งมอบหมายตามลำดับอาวุโสเป็นผู้รักษาการแทนเท่านั้น กรณีไม่มีคำสั่งมอบหมาย หรือไม่มีรองเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ เป็นอำนาจของประธาน กสทช.ในการแต่งตั้งอำนวยการกลุ่มงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.

รายงานข่าวแจ้งว่า ในความเป็นจริงเลขาธิการ กสทช.มีอำนาจในการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่ง ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ได้ ตามข้อ 7 ของระเบียบฉบับเดียวกัน แต่ปรากฏว่า นายไตรรัตน์ กลับไม่ได้อ้างถึงข้อ 7 ที่ระบุว่า “ในกรณีที่ไม่มีรองเลขาธิการหรือพนักงานผู้ดำรงตำแหน่งอื่น หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยประการใดๆ ให้เลขาธิการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่ง ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้รักษาการแทน” แต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ นายไตรรัตน์ ถูกมติบอร์ด กสทช.ปลดจากรักษาการเลขาธิการ กสทช. กลับยังพบว่า มีการใช้อำนาจเลขาธิการ กสทช.ลงนามคำสั่งสำนักงาน กสทช.ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งสำนักงาน กสทช.ที่ 653.05/2566 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 66 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งสำนักงาน กสทช. ลับที่ 629/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 16 มิ.ย. 66 ซึ่งเป็นคำสั่งที่ นายภูมิศิษฐ์ รองเลขาธิการ กสทช. ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตามมติบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 66 ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายไตรรัตน์ ตามมติบอร์ด กสทช.วันเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 มิ.ย. 66 นายไตรรัตน์ ยังได้ลงนามคำสั่งสำนักงาน กสทช. เรื่อง การย้ายและแต่งตั้งพนักงาน รวม 5 ฉบับ ได้แก่

1. คำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 652/2566 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สั่ง ณ วันที่ 27 มิ.ย. 66 โดยแต่งตั้ง นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้อำนวยการสำนักการอนุญาตวิทยุคมนาคม 2 ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายกิจการภูมิภาค ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 66 เป็นต้นไป

2. คำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.01/2566 เรื่อง ย้ายและแต่งตั้งพนักงาน สั่ง ณ วันที่ 27 มิ.ย. 66 โดย (1) โยกย้าย นายเฉลิมชัย ก๊กเกียรติกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานบริหารองค์กร ไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานวิชาการ
(2) โยกย้าย นางจิตรลดา หรูวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักกรรมการและเลขาธิการ สายงานบริหารองค์กร ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักอำนวยการกลาง สายงานบริหารองค์กร
(3) โยกย้าย นายเธียรทวี สุทธินนท์ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สายงานองค์กร ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักบริหารข้อมูลกลาง สายงานบริหารองค์กร
และ (4) โยกย้ายนายขจรศักดิ์ ทานานนท์ ผู้อำนวยการสำนัก ประจำสำนักงาน ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักกรรมการและเลขาธิการ สายงานบริหารองค์กร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 66 เป็นต้นไป

3. คำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.02/2566 เรื่อง ให้พนักงานพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นรักษาการ สั่ง ณ วันที่ 27 มิ.ย. 66 โดย (1) ให้ น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ้นจากการรักษาการแทนรองเลขาธิการ กสทช. สายงานวิชาการ
(2) ให้ นายพสุ ศรีหิรัญ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักวิเคราะห์นโยบาย สายงานวิชาการ พ้นจากการรักษาการแทนผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายวิชาการ
(3) ให้ นางรมิดา ลีลาพตะ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักงานส่งเสริมการแข่งขันและกำกับดูแลกันเอง สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ้นจากการรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

(4) ให้ นายณัฐนนท์ ลี้ศัตรูพ่าย ผู้อำนวยการสำนัก สำนักพัฒนาองค์กรวิชาชีพและส่งเสริมการบริการทั่วถึง สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ้นจากการรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนัก สำนักค่าธรรมเนียมและอัตราค่าบริการในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

และ (5) ให้นายธนาเทพ เทวกุล ณ อยุธยา นักวิชาการนโยบายและแผนเชี่ยวชาญ พ้นจากการรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนัก สำนักบริหารข้อมูลกลาง สายงานบริหารองค์กร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 66 เป็นต้นไป

4. คำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.03/2566 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเป็นผู้รักษาการแทน กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ 27 มิ.ย. 2566 โดย (1) แต่งตั้งนายกีรติ อาภาพันธุ์ เศรษฐกรเชี่ยวชาญพิเศษ ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนรองเลขาธิการ กสทช. สายงานวิชาการ (2) แต่งตั้ง น.ส.อรดา เทพยายน ผู้อำนวยการสำนัก สำนักประธานกรรมการและการประชุม สายงานบริหารองค์กร ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานบริหารองค์กร

(3) แต่งตั้ง นายอาคม สุวรรณรักษา ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตประกอบกิจการโครงข่าย สิ่งอำนวยความสะดวก และเครื่องวิทยุคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนัก สำนักการการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

(4) แต่งตั้ง นายธราเทพ เทวกุล ณ อยุธยา นักวิชาการนโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนัก สำนักค่าธรรมเนียมและอัตราค่าบริการในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

และ (5) แต่งตั้งนายศุรวีร์ ไปรเวทย์ ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาประสิทธิภาพระบบสารสนเทศ สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สายงานบริหารองค์กร ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนัก สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สายงานบริหารองค์กร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2566 เป็นต้นไป

5. คำสั่งสำนักงาน คำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.04/2566 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเป็นผู้รักษาการแทน กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ 27 มิ.ย. 2566 โดย (1) แต่งตั้ง นางจิตรลดา หรูวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักงานกรรมการและเลขาธิการ สายงานบริหารองค์กร ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทน (อีกตำแหน่ง) ผู้อำนวยการสำนัก สำนักอำนวยการกลาง สายงานบริหารองค์กร

และ (2) แต่งตั้งนายชัยรัตน์ ทองจับ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตวิทยุคมนาคม 1 สายงานบริหารองค์กร ให้ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทน (อีกตำแหน่ง) ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตวิทยุคมนาคม 2 สายงานบริหารองค์กร