“เลขาฯ ประธาน กสทช.” ออกประกาศ ยัน “ไตรรัตน์” ยังไม่พ้นเก้าอี้ “รักษาการเลขาฯ กสทช.” อ้างข่าวออกทำพนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา เผย มติบอร์ดเสียงข้างมาก 4-2-1 ให้ปลดพร้อมตั้ง กก.สอบวินัยฯ เป็นที่สุดแล้ว “หมอไฮ้” บินนอกไม่เซ็นคำสั่งตั้งรักษาการแทน วิจารณ์หึ่งเอื้อประโยชน์ “รองฯหนุ่ม” ที่สมัครสรรหาเลขาฯคนใหม่?
วันนี้ (21 มิ.ย.) รานงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุว่า พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน กสทช. (ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์) ได้ลงนามประกาศข่าวประชาสัมพันธ์ในหัวข้อ “งานเลขานุการประธาน กสทช.” โดยมีเนื้อหาว่า สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว กสทช. ได้มีมติปลด นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. และตั้งกรรมการตรวจสอบวินัย แต่ยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการ กสทช. โดยแต่งตั้งให้ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รักษาการเลขาธิการ กสทช.นั้น
ข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปในช่วงระยะเวลาที่ประธาน กสทช. อยู่ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และในช่วงเวลาเดียวกัน นายไตรรัตน์ ก็อยู่ระหว่างการลาไปเข้าร่วมกิจกรรมหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ซึ่งข่าวการดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดความสับสน เกิดความแตกแยกในหมู่พนักงาน กสทช.เกิดการกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา
อีกทั้งเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนและฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง โดยไม่มีอำนาจ และหน้าที่ที่แท้จริงในการออกคำสั่งแต่งตั้งรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. และอำนาจในการสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากปล่อยให้เกิดกระทำการโดยพลการโดยไม่คำนึงถึงกฎ กติกา มารยาท ความหลงผิดในอำนาจหน้าที่เยี่ยงนี้ต่อไป จะยิ่งทำให้ สำนักงาน กสทช. เสียหาย เกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและยากที่จะแก้ไขเยียวยาได้ในที่สุด
พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 56 กำหนดให้สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. มาตรา 60 กำหนดให้เลขาธิการ กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช. และมาตรา 61 กำหนดให้ประธาน กสทช. เป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. โดยความเห็นชอบของ กสทช.
และเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตามระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการรักษาการแทน การปฏิบัติการแทน และการปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนในตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และพนักงานของสำนักงาน กสทช. พ.ศ. 2555 ข้อ 6 และข้อ 9
จึงขอประกาศให้พนักงน สำนักงาน กสทช. ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่า จนกระทั่งบัดนี้ประธาน กสทช. ยังไม่ได้มีคำสั่งยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งนายไตรรัตน์ จากการเป็นรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. และยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้ง นายภูมิศิษฐ์ ให้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทนนายไตรรัตน์ แต่อย่างใด
ดังนั้น นายไตรรัตน์ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเลขาธิการ กสทช. ทุกประการจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 66 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.ได้มีการประชุมลับ เพื่อพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และมีมติเสียงข้างมาก ด้วยมติเห็นด้วย 4 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง ให้ นายไตรรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรักษาเลขาธิการ กสทช. และมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ กรณีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกด้วย พร้อมทั้งมีมติแต่งตั้งให้ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รักษาการเลขาธิการ กสทช.แทน
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ที่ประชุมบอร์ด กสทช.ลงมติในวันที่ 9 มิ.ย. 66 แล้ว ในการประชุม บอร์ด กสทช.ครั้งถัดมาก็ได้มีการรับรองรายงานการประชุม ซึ่งเท่ากับว่า นายไตรรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรักษาเลขาธิการ กสทช.ทันที อย่างไรก็ดีเพื่อให้กระบวนการครบถ้วน สำนักงาน กสทช. จึงได้ร่างคำสั่ง กสทช. ที่ 568/2566 เรื่อง คำสั่งแต่งตั้งพนักงานเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. โดยแต่งตั้ง นายภูมิศิษฐ์ เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ในวันที่ 11-18 มิ.ย. 66 และแต่งตั้ง นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ในวันที่ 19-20 มิ.ย. 66 แต่ ศ.คลินิก นพ.สรณ ประธาน กสทช. ไม่ได้ลงนามในคำสั่ง และได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมิได้มอบหมายให้ผู้ใดลงนามแทน
ก่อนที่ในวันนี้ (21 มิ.ย.) เลขานุการประจำประธาน กสทช. จะลงนามในประกาศงานเลขานุการประธาน กสทช.ข้างต้น ปฏิเสธกรณีมีคำสั่งให้ นายไตรรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่รักษาการเลขาธิการ กสทช.ตามข้างต้น
รายงานข่าวสำนักงาน กสทช.ระบุว่า มีการตั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ ศ.คลินิก นพ.สรณ ประธาน กสทช. ไม่ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งพนักงานเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และการที่ เลขานุการประจำประธาน กสทช.มาออกประกาศยืนยันว่า นายไตรรัตน์ ยังไม่พ้นจากรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.นั้น เป็นการละเมิดต่อมติบอร์ด กสทช. และยกเอาอำนาจประธาน กสทช.ให้เหนือกว่า บอร์ด กสทช. ทั้งที่ตามกฎหมายและระเบียบแล้ว ประธาน กสทช.มีหน้าที่ปฏิบัติตามมติบอร์ด กสทช. นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายไตรรัตน์ ในช่วงที่กำลังมีการสรรหาเลขาธิการ กสทช.คนใหม่ ซึ่ง นสยไตรรัตน์ ได้สมัครเข้ารับการสรรหาด้วย เพราะหากไม่มีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาเลขาธิการ กสทช.แทน ก็จะไม่มีผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ นายไตรรัตน์ ตามมติบอร์ด กสทช.ได้ เพราะการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ เป็นอำนาจของเลขาธิการ กสทช. โดยที่ นายไตรรัตน์ ไม่สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ สอบตัวเองได้
สำหรับ บอร์ด กสทช. 4 คน มีมติให้ นายไตรรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ประกอบด้วย พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ (ด้านกระจายเสียง), ศ.ดร.พิรงรอง รามสูตร (ด้านโทรทัศน์), รอง ศ.ดร.ศุภัช ศุภชัลาศัย (ด้านเศรษฐศาสตร์) และ รอง ศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ (ด้านกิจการโทรคมนาคม)
ส่วนบอร์ด กสทช. 2 คน งดออกเสียง คือ ศ.คลินิก นพ.สรณ และ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ (ด้านส่งเสริมเสรีภาพประชาชน) ส่วน 1 เสียงที่ให้ นายไตรรัตน์ ยังคงปฏิบัติหน้าที่รักษาการเลขาธิการ กสทช.เช่นเดิม ได้แก่ พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร (ด้านกฎหมาย)