“ไตรรัตน์” ลักไก่ใช้อำนาจ “รักษาการเลขาฯ กสทช.” เซ็นยกเลิกคำสั่งสอบวินัยตัวเอง หลังถูกบอร์ด กสทช.เสียงส่วนใหญ่ลงมติปลด พร้อมให้ตั้ง กก.สอบวินัยปมค่าซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 600 ล้านบ. วิจารณ์หึ่ง!ใช้อำนาจโดยมิชอบ แถมยังเซ็นคำสั่งโยกย้ายผู้บริหารอีก 5 ฉบับ เชื่อสุดท้ายคำสั่งเป็นโมฆะ “คนใน” คาด “บิ๊ก กสทช.” อุ้ม “ไตรรัตน์” ไว้เซ็นจ้างอบรมเน็ตชายขอบที่ยังคาอยู่ 3 สัญญา
วันนี้ (30 มิ.ย.66) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 งดออกเสียง 2 ให้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช.พ้นจากตำแหน่ง แต่ให้คงไว้ซึ่งตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช.ตามเดิม และให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยกรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช.เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.66 ปรากฎว่า นายไตรรัตน์ ยังคงใช้อำนาจในตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ลงนามคำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.05/2566 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งสำนักงาน กสทช. ลับที่ 629/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 16 มิ.ย.66
ซึ่งคำสั่งสำนักงาน กสทช. ลับที่ 629/2566 เป็นคำสั่งที่ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทน นายไตรรัตน์ ตามมติบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66 ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายไตรรัตน์ ตามติมติบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66 เช่นกัน
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช.ระบุว่า เท่ากับว่า นายไตรรัตน์ลงนามคำสั่งยกเลิกคำสั่งสอบวินัยตัวเอง ซึ่งตามปกติแล้วไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังเข้าข่ายใช้อำนาจรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.โดยมิชอบ เนื่องจากบอร์ด กสทช.ได้มีมติเสียงข้างมากปลดนายไตรรัตน์ออกจากตำแหน่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้เกิดความสับสนภายในสำนักงาน กสทช.เกี่ยวกับสถานะของ นายไตรรัตน์ ที่บอร์ด กสทช.ได้มีมติเสียงข้างมากปลดออกจากตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ซึ่งตามขั้นตอนถือว่ามติบอร์ดดังกล่าวมีผลทันที รวมทั้งบอร์ดยังมีมติแต่งตั้งผศ.ภูมิศิษฐ์ ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทน นายไตรรัตน์ ด้วย แต่กลับมีการอ้างว่า นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ยังไม่ได้ลงนามยกเลิก หรือเพิกถอนคำสั่งตั้งนายไตรรัตน์ เป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. และยังไม่ได้แต่งตั้ง นายภูมิศิษฐ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.แต่อย่างใด
“มติ กสทช.ก็ไม่ต่างมติ ครม. (คณะรัฐมนตรี) ที่เมื่อลงนามแล้วย่อมมีผลบังคับในทางกฎหมายทันที ส่วนขั้นตอนที่ประธาน กสทช.ต้องเซ็นคำสั่งนั้นก็เป็นเพียงขั้นตอนธุรการเพื่อเป็นเอกสารอ้างอิงให้สำนักงาน กสทช.ปฏิบัติตามมติ กสทช.เท่านั้น” แหล่งข่าวในสำนักงาน กสทช.ระบุ
แหล่งข่าวในสำนักงาน กสทช.ยังเปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ นายไตรรัตน์ ยังได้ใช้อำนาจรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เรื่อง การย้ายและแต่งตั้งพนักงาน รวม 5 ฉบับ ลงวันที่ 27 มิ.ย.66 ด้วย ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า คำสั่งที่นายไตรรัตน์ลงนามในฐานะรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.อาจเป็นโมฆะ เพราะเป็นการใช้อำนาจภายหลังจากที่บอร์ด กสทช.ได้มีมติเสียงข้างมากปลดออกจากตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.แล้ว
แหล่งข่าวในสำนักงาน กสทช.ต่อไปว่า ภายในสำนักงาน กสทช.ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ นพ.สรณ ไม่ปฏิบัติตามมติบอร์ดเสียงข้างมาก ก็เพื่อต้องการให้ นายไตรรัตน์ ยังคงรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ต่อไป เนื่องจากยังมีเรื่องที่ต้องการให้ นายไตรรัตน์ เป็นผู้ลงนาม เพราะเกรงว่า หากเป็นผู้อื่นมารักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.อาจจะไม่ยอมลงนาม อาทิ สัญญาจ้างโครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (เน็ตชายขอบ) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) รวม 5 สัญญา วงเงินรวม 1,796.42 ล้านบาท ซึ่ง นายไตรรัตน์ ได้ลงนามในสัญญาจ้างไปแล้ว 2 สัญญา คงเหลืออีก 3 สัญญาที่อยู่ในระหว่างรอผลอุทธรณ์
ส่วนกรณีการลงนามโยกย้าย และแต่งตั้งพนักงาน รวม 5 ฉบับ ของนายไตรรัตน์นั้น แหล่งข่าวในสำนักงาน กสทช.ระบุว่า เท่าที่ตรวจสอบรายชื่อพบว่า เป็นการโยกย้ายคนในสายของบอร์ด กสทช.เสียงข้างมากออกจากตำแหน่ง แล้วดึงคนของตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนด้วย.