ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไม่ทันหอมกลิ่นเจริญ ส.ส.ก้าวไกล ชิงเอากลิ่นเน่ามาให้ด้อมส้มไม่พัก..จากเมาแล้วขับ มาถึง "สิริน" ทำร้ายแฟน
เคลื่อนไหวออกมาขอโทษและยอมรับผิดสำหรับ ส.ส.ก้าวไกล ที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ ถูกแฟนสาวที่เพิ่งคบหากันแค่ 1เดือนเศษ แจ้งความเอาผิด เรื่องทำร้ายร่างกาย
“สิริน สงวนสิน” ส.ส.กทม. เขต 31 ตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล ถูกแจ้งความที่ สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนี้ ว่า ขออภัยอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งขอโทษต่อผู้เกี่ยวข้อง- ประชาชนที่เลือก ต้องทำให้ผิดหวัง ที่ออกมาชี้แจงช้า เพราะตัวเองประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ศีรษะแตก จึงใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาในการรักษาตัว
จากนี้ยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และการสอบสวนวินัยจากพรรคก้าวไกล และจะน้อมรับผลที่ตามมาจากการกระทำที่ปราศจากความยั้งคิดของตัวเองโดยดุษฎี พร้อมกับย้ำว่า ขอแสดงความสำนึกผิดด้วยใจจริง!!
แน่นอนว่า เรื่องทำร้าย หรือกระทำรุนแรงต่อผู้หญิง ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือหนักหน่วง รุนแรง ก็ไม่มีใครในสังคมยอมรับได้ ตรงกันข้ามต้องช่วยกันต่อต้านรณรงค์ แม้จะสำนึกผิดภายหลังก็ไม่ควร แต่ปรากฏว่า มี “ด้อมส้ม” เป็นจำนวนมาก ออกมาให้กำลังใจ "สิริน" ชื่นชมว่า กล้าทำกล้ารับ , แมนๆ ทุกคนทำผิดได้ ผิดแล้วยอมรับสังคมก็ควรให้อภัย
งานนี้ก็เลยเป็นดรามาขึ้นมาอีกครั้งโดยชาวเน็ต เข้ามาโต้เถียง ด้อมส้ม ในทำนองถ้าเป็นส.ส.พรรคอื่น “ซอมบี้ส้ม” คงจะจัดทัวร์ไปลงถล่มจมดิน แต่พอเป็นส้มด้วยกัน กลับชื่นชม บอกว่ามีสปิริต มาแนวนี้ทุเรศจริงๆ!!
นี่ต้องเรียกว่า ยังไม่ทันเข้าสภาฯ ก็ใช้คำว่า ขอโทษเปลืองมากๆ ส.ส.ก้าวไกลแต่ละคน ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ก่อวีรกรรมอื้อฉาวก่อนนี้ "ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์" ส.ส. บัญชีรายชื่อ ก้าวไกล อีกคนก็ "เมาแล้วขับ" ถูกจับคาด่าน แล้วก็ตามมาด้วยส.ส.ทำร้ายร่างกายผู้หญิงอีก กล้ามั้ยที่จะลาออก หากอยากจะแสดงสปิริตจริง
ดรามาเรื่องนี้ยังสืบสาวราวเรื่องกันย้อนไปถึง กรณี "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรค กับอดีตภรรยา ก็เคยมีข่าวทำนองนี้ เมื่อครั้งฟ้องหย่ากันโดยอดีตภรรยาฟ้องเพิ่มว่า มีประเด็นความรุนแรง ทำร้ายร่างกายด้วย แต่ภายหลังศาลไม่รับคำฟ้อง
กระนั้น ระหว่าง "สิริน" กับ "พิธา" ชาวเน็ตเลยพากันตั้งคำถาม หัวหน้าเป็นอย่างไร ลูกน้องก็เป็นแบบเดียวกันหรือไม่ ? ซึ่งงานนี้ต่างจะคอยดูว่า ภายในพรรคก้าวไกล จะมีแอกชันกันยังไง กับเรื่องนี้
แหม...เจอดรามารัวๆ ทั้งเรื่องตั้งรัฐบาล ชิงประธานสภาฯ “พิธา” จะขึ้นเป็นนายกฯ ด้อมส้มจัดทัวร์ลงฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นแต่ละวัน ยังไม่ทันหอมกลิ่นความเจริญ สูดกลิ่นเข้าเต็มปอด ส.ส.ในพรรคกลับเอากลิ่นเน่าๆ มาให้ด้อมส้มปัดเป่าต่อเนื่อง...ไม่พักเลยนิ.
**เก้าอี้ประธานสภาฯ “เพื่อไทย”ขอนะ!! ไม่ได้แย่ง ถึงไม่ได้ก็ไม่ตีจาก“ก้าวไกล” เพราะประชาชน 25 ล้านเสียงจับเราคลุมถุงชนแล้ว
ปัญหาเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นของพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อยุติ เกมพลิกไปพลิกมาตลอด
มีการอ้างถึงข้อตกลงดังเดิมที่ร่วมหัวจมท้ายกัน โดยใช้สูตร 14+1 คือ ก้าวไกลได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง กับอีก 1 ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนเพื่อไทย ได้ 14 รัฐมนตรี กับอีก 1 เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร
การแบ่งกระทรวงฯในเบื้องต้น ก้าวไกลเล็งไปที่กระทรวงด้านความมั่นคง เพราะได้หาเสียงไว้ว่า จะทลายจารีตนิยม อำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม และกลุ่มทุนผูกขาด เพิ่มสวัสดิการประชาชน อย่างเช่น แก้ไขมาตรา 112 ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ยกเลิกกฎอัยการศึก กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินหน้ากระจายอำนาจ กระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่น เพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน รีดภาษีคนรวยมาช่วยคนจน สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ...
กระทรวงหลักๆ ที่ก้าวไกลเล็งไว้ อาทิ กระทรวงการคลัง กลาโหม มหาดไทย การต่างประเทศ พัฒนาสังคมฯ ... ยอมยกกระทรวงเศรษฐกิจ ที่เป็นกระทรวงเกรด เอ ให้เพื่อไทย ไปบริหารจัดการ
ต่อมาเก้าอี้ของ “ว่าที่นายกฯพิธา” ทำท่าว่าจะมีปัญหา จากเรื่องถือหุ้นไอทีวี และเสียงส.ว.ไม่พอหนุน “ก้าวไกล” ก็ออกมาทวงเก้าอี้ประธานสภาฯ ว่าควรเป็นของก้าวไกล ที่ได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 ด้วยข้ออ้างว่า เพื่อภารกิจผลักดันกฎหมายสำคัญๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
แน่นอนว่า “เพื่อไทย” ไม่ยินยอม แถมสวนออกไปแบบแข็งกร้าว บอกว่า ก้าวไกลมีเสียงมากกว่าเพื่อไทย แค่ 10 เสียง แต่จะมากินรวบ ทั้งนายกฯ ทั้งประธานสภาฯ อย่างนี้ไม่แฟร์ เพื่อไทยไม่ยอม
แต่แล้ว จู่ๆ “ภูมิธรรม เวชยชัย”แกนนำพรรคคนสำคัญของเพื่อไทย ก็ยก “หลักการ” มาอ้างว่า ตำแหน่งประธานสภา ควรเป็นของพรรคที่ได้ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 คือยกให้ก้าวไกลไป ส่วนพรรคที่ได้ที่ 2 ก็ได้รองประธานสภา ทั้ง 2 เก้าอี้ ซึ่ง“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาพรรคเพื่อไทย ก็ไม่คัดค้าน จะมีเพียง “หมอแคน” อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ออกมาโวยวาย ไม่เห็นด้วยกับหลักการที่ว่า และ ส.ส.ของพรรคส่วนใหญ่เกือบร้อยทั้งร้อย ก็ไม่เห็นด้วย
เมื่อสองวันก่อนจึงมีการประชุมพรรคเพื่อไทย และที่ประชุมก็ยืนยันสูตรเดิม คือ 14+1 ตำแหน่งประธานสภา ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย ทำเอาทางฝั่งก้าวไกลหาต้องหารือเครียด และประกาศเลื่อนการเจรจาระหว่าง 2 พรรคออกไปก่อน ไม่เพียงเท่านั้น พรรคก้าวไกลยังเปิดตัว “หมออ๋อง “ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก อดีตนายสัตวแพทย์ศาสตร์ เป็นว่าที่ประธานสภาฯ
เมื่อ “เพื่อไทย” ทุบโต๊ะจะเอาตำแหน่งนี้... “ก้าวไกล” ก็เปิดหน้าสู้แบบไม่ยอมถอย!!
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า จะมีการเจรจากับก้าวไกล เป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งน่าจะจบลงได้ด้วยดี ก่อนที่จะถึงวันเสด็จเปิดรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค. จากนั้นประชุมสภาครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภา และรองประธานสภา ในวันที่ 4 ก.ค.
...เราเข้าใจดี ว่าพรรคอันดับ 1 ควรได้สิทธิ์เป็นประธานสภาฯ เราจึงมาขอว่า ขอให้เป็นของพรรคอันดับ 2 ได้ไหม เพื่อจะได้ทำงานร่วมกัน ท่านเป็นประมุขฝ่ายบริหาร แล้วเราเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ นี่เป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ใช่การยื้อแย่ง หรือเป็นการหักหลังพี่น้องประชาชน...
แล้วถ้าก้าวไกลไม่ให้ล่ะ เพื่อไทยจะถือเอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการย้ายขั้ว หรือไม่!!
“นพ.ชลน่าน” บอกว่า การเจรจาที่เรามีหลักพื้นฐานเดียวกันคือ เอาพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง 151+141 ได้ 292 เราใช้ตัวนั้นเป็นตัวตั้งเป็นหลักในการเจรจา... ถ้าเขายืนยันว่า เขาไม่ให้ เราเป็นพรรคอันดับ 2 เราก็ต้องมาพิจารณากันว่า จะทำอย่างไร จะทำงานกันแบบไหน แต่คงไม่ถึงขั้นสลับขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล
“เราถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชน ผมพูดหลายครั้งแล้ว แม้เราอยากออกไป แต่เราออกไม่ได้ เน้นนะครับ แม้เราอยากออกไป ซึ่งเรามีสิทธิ์ด้วย ที่จะออกไป แต่ว่ามันไม่ชอบธรรม เราถูกพี่น้องประชาชน 25 ล้านเสียง มัดเรากับก้าวไกลให้ติดกัน มันจะเหมือนพ่อแม่เรา เราเป็นลูก ถูกเขาจับคลุมถุงชน ให้มาแต่งงานกัน เราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธจริงๆ เพราะฉะนั้นเจตจำนงของประชาชน 25 ล้านคน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เราคำนึงถึงจุดนี้ในการเจรจา เมื่อพรรคก้าวไกลเขาไม่ให้ เราก็ต้องมา พิจารณาว่า เขาไม่ให้ เราก็ไม่ควรจะต้องรับ ใช่ไหมครับ”
เป็นท่าทีที่อ่อนลงของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำว่า “ขอ” ไม่ได้แย่งชิง ถึงไม่ได้ก็จะยังร่วมงานกันต่อไป และในวันที่เลือกประธานสภา ถ้าก้าวไกลเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นประธานสภาฯมา ทางเพื่อไทย ก็จะไม่เสนอชื่อแข่ง
จากความระหว่างบรรทัดข้างต้น ถือว่า วันนี้ เพื่อไทยค่อนข้างมีความชัดเจนแล้วว่า “ยอมถอย” แต่เมื่อถึงวันที่ 4 ก.ค. ที่จะมีการเลือกประธานสภาฯ ถ้าขั้วตรงข้ามจะเสนอชื่อ “สุชาติ ตันเจริญ” ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นคู่แข่งตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหนือการควบคุมของพรรคเพื่อไทย
ต้องจับตาว่าการเจรจาในวันที่ 2 ก.ค. จะได้ข้อสรุปอย่างไร และ ในวันที่ 4 ก.ค. คนของพรรคไหน จะได้ครองตำแหน่งประธานสภา!!